Wednesday, October 10, 2012

มายาการแห่งความพิเศษ

หรูเริ่ดแค่ไหนก็ตายเหมือนกัน..แล้วจะเอาอะไรอีก?
วังเวง..เป็นคำที่ใช้อธิบายความรู้สึกของคนในเมืองใหญ่ได้ดี

เพราะอะไร?

เพราะเราทุกคนได้แต่กระเสือกกระสนทำมาหากินตัวเป็นเกลียว วุ่นวายสาละวนอยู่กับตัวเอง ไม่ว่าจะที่ทำงาน ที่บ้าน หรือที่ไหนๆ แม้กระทั่งในงานเลี้ยง งานรื่นเริง เราก็พยายามที่จะเป็น Somebody ที่โดดเด่นในสายงาน เราอยากให้มีคนมาสนใจเรา เราอยากเป็นคนพิเศษ เราจึงกระเสือกกระสนดิ้นรนหาความพิเศษ ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ทำให้เราดูไร้ค่าเหมือนๆกันไปหมด

และด้วยปมทางใจของคนในเมืองใหญ่นี้เอง(ที่แพร่กระจายไปสู่ชนบทด้วย) ก็ได้เป็นจุดอ่อนที่นักการตลาด นักโฆษณาทั้งหลายเอามาหลอกดูดเงินออกจากกระเป๋าเรา ผ่านทางโฆษณาและกิจกรรมตามสื่อต่างๆ โดยทำให้เรารู้สึกพิเศษทั้งๆที่มันก็เป็นเพียงความพิเศษที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาให้เราได้เต้นตามเพลงของเขาเท่านั้น แต่เบื้องหลังนั้นเขาคิดสะระตะมาดีแล้วว่ากำไรมหาศาลแน่ๆ

ด้วยกลยุทธการตลาดอันซับซ้อนทางจิตนี้เอง เราจึงมีความรู้สึกว่าเวลาพกพามือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุดในตลาด เราก็จะรู้สึกพิเศษ ขับรถหรูๆเราก็จะรู้สึกพิเศษ หรือได้รับบริการจากร้านค้าที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนพิเศษ แม้ว่าเขาจะดูแลทุกคนเหมือนๆกันก็ตาม นี่แหละครับที่บอกว่า เรามุ่งแสวงหาความพิเศษกันตลอดเวลาและกลายเป็นช่องให้สินค้าหรือบริการต่างๆ ทำกำไรอย่างงดงาม (มากกว่าที่มันควรจะเป็น) ส่วนเราก็เคลิบเคลิ้มกับสิ่งที่เขาเสนอให้ โดยไม่ทันสังเกตว่าเขาเอามือล้วงเข้ามาในกระเป๋าตังค์ของเราเรียบร้อยแล้ว

อย่างเวลาเราไปซื้อนมให้ลูกดื่ม เราก็จะมองหานมที่ใส่สารอาหารพิเศษอย่าง DHA โอเมก้าทรี หรือ ARA ที่แพงกว่านมธรรมดามาก ทั้งๆที่ร่างกายของเด็กสามารถสังเคราะห์ไขมันที่ดูเหมือนว่าพิเศษเหล่านี้จากไขมันนมได้เหมือนกัน ผมเองโตมากับนมผงธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้ด้อยปัญญากว่าใคร และสามารถสรุปว่า ความฉลาดหลักแหลมมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาหารการกินมากอย่างที่โฆษณาเน้นกันแทบเป็นแทบตาย ดังนั้นก็ไม่ต้องเอาจริงเอาจังการกินให้มากนักก็ได้

หรืออย่างวิตามิน C ที่ใส่แร่ธาตุพิเศษเข้าไปจากเดิม เพื่อเสริมการทำงานของวิตามินซีให้มีประสิทธิภาพขึ้น หรืออาจจะถูกชูสรรพคุณว่าเป็นวิตามินซีที่สกัดจากธรรมชาติ(สกัดมามันก็กลายเป็นสารเคมีแล้วไง) แล้วปรับราคาขึ้นชั้น(แพง)พิเศษไปเลย ทั้งๆที่ร่างกายก็ได้รับวิตามินแร่ธาตุเหล่านี้เพียงพออยู่แล้วจากอาหารที่เรากินเข้าไป...ถ้าเราไม่โง่กินของซ้ำๆเสียเองนะ ไม่อย่างนั้นพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราจะอยู่มาได้ยังไงจนบัดนี้ โดยที่ไม่ได้กินวิตามินหรืออาหารเสริมเหล่านี้เลย..จริงไหม?

ในสมัยก่อนนั้น เราไม่เคยมีอะไรที่พิเศษๆอย่างเช่นทุกวันนี้ แต่ทำไมถึงอยู่กันมาได้? อะไรบ้างที่เปลี่ยนไปจากเดิม?

อย่างแรกก็คือชีวิตที่เร่งรัดและบีบคั้นตลอดเวลาจนเกิดความเคร่งเครียดกดดัน จากการแก่งแย่งแข่งขันในการทำมาหากิน ทำให้เราต้องโยนหน้าที่ในการทำอาหารไปให้กับ ผู้ผลิตอาหาร ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้ช่วยจัดหาอาหารทั้งที่สำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปมาให้เรา โดยที่เราก็ไม่รุ้ว่าเขาใส่สารเคมีอะไรมาให้บ้าง เนื้อสัตว์ที่เรากินเข้าไปมียาปฏิชีวนะมากแค่ไหน มีสารเร่งเนื้อแดงไหม มีฮอร์โมนเร่งโตสำหรับสัตว์หรือเปล่า ผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้เนื้อดูสดน่าทานหรือไม่ อาหารเหล่านั้นเป็นอาหารที่ตัดแต่งพันธุกรรมหรือไม่ ฯลฯ

พอพวกเรามีชีวิตที่เร่งรีบ เวลาทานอาหารจึงไม่ค่อยมี จึงต้องรีบทานให้มันเสร็จไวๆ การขบเคี้ยวก็ทำได้ไม่ดี บบางคนทานเข้าไปเคี้ยว 2-3 คำก็กลืน ทำให้อาหารย่อยได้ไม่สมบูรณ์ กระเพาะทำงานหนัก สารอาหารดูดซึมไปใช้ได้ไม่เต็มที่ แถมเราก็กินอาหารขยะกันตามใจปาก ซึ่งเป็นไปเพื่อความเอร็ดอร่อยอย่างเดียว ร่างกายมันจึงทรุดโทรมเพราะทำงานหนักทั้งตอนทำงาน ไปจนถึงการย่อยและดูดซึมสารอาหาร

เมื่อเราไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องพื้นฐานของการดูแลสุขภาพ เราจึงมองหาอะไรที่มันเร็วๆ สำเร็จรูป ที่สุดเราก็จะโดนล่อลวงโดยโฆษณาบ้าง พนักงานขายบ้าง นักการตลาดบ้าง เพื่อที่จะให้เราซื้ออาหารเสริม วิตามินต่างๆในการบำรุงสุขภาพ ซึ่งจะทำให้เราได้กลับไปใช้ชีวิตเร่งๆได้ทันท่วงที แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นมีใครมีสุขภาพที่ดีขึ้นเลยแม้แต่คนเดียว เพราะพฤติกรรมเร่งรีบนั่นแหละที่ทำลายตัวเราเองอย่างช้าๆ ชนิดที่ใครก็ช่วยไม่ได้

ก็ไม่ต้องไปหาอะไรพิเศษแบบไหนให้ชีวิตหรอกครับ เพราะไม่มีตัวช่วยไหนจะช่วยคุณได้เลย เรื่องเน่าๆทั้งหลายที่เราทำอยู่ตลอดเวลานั่นเอง เป็นเหตุให้เรามีชีวิต มีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ย่ำแย่อยู่ทุกวัน สิ่งที่ต้องทำเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ก็คือเอาเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายออกไปเสีย แล้วอะไรๆมันก็จะดีขึ้นเองโดยที่ไม่ต้องใช้ตัวช่วยพิเศษอะไรเลยด้วยซ้ำ

พอพูดแบบนี้ก็มีคนเถียงว่า เจ็บป่วยแล้วมีเงินรักษาดีกว่า เจ็บป่วยแล้วไม่มีเงินรักษานะ อันนี้มันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว

ก็ถ้าคุณเอาเหตุแห่งความเจ็บป่วย เหตุแห่งความทุกข์ทั้งหลาย ที่คุณทำเพื่อทำลายตัวเองออกไป มันจะต้องใช้เงินมากมายในการรักษาสุขภาพอะไรอีกเล่า

ที่คุณพูดถึงเรื่องเงินอย่างเดียว ก็เป็นเพียงเพราะคุณห่วงแต่เรื่องเงินเท่านั้น คุณคิดเอาเองว่าเงินจะนำความมั่นคงมาให้กับชีวิต นำความสุข ความสมบูรณ์มาให้คุณได้ คุณไม่รู้ตัวว่าคุณถูกหลอกลวงด้วยมายาภาพแห่งโฆษณาที่บอกว่าชีวิตต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้จึงจะดี โดยไม่เคยกลับไปมองความจริงที่ผ่านมาว่า พ่อแม่ของคุณไม่เคยมีสิ่งที่คุณดิ้นรนแสวงหาอย่างเอาเป็นเอาตายเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย แต่ท่านก็ยังอยู่มาได้จนทุกวันนี้

ถามว่าใครจำช่วงเวลาก่อนที่เราจะมีมือถือได้หรือไม่?

ผมเองจำได้ดีว่าชีวิตมันมีความสุขแค่ไหน กับการที่ไม่ต้องมีคนโทรตามงานตลอดเวลาเหมือนคนบ้า และถ้าจะดูกันจริงๆแล้ว มือถือมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นเลย มันแค่สนองความอยากรู้ สนองความกังวลบ้าๆบอๆของเราได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น ส่วนโลกมันก็หมุนไปเหมือนเดิมนั่นแหละ ก็ไม่ต้องเอาโลกมาแบกอีก อย่าไปสำคัญตัวผิดๆ มันอยู่ได้ของมันเองแม้ไม่มีเราก็ตาม

ทุกวันนี้เราโดนมายาทั้งหลายนับตั้งแต่ สื่อต่างๆ ภาพยนตร์ วิทยุ ทีวี อินเตอร์เน็ต ซึ่งพยายามยัดเยียดค่านิยมบ้าๆบอๆเข้ามาในจิตในใจ ให้เรากังวลกับทุกเรื่องมากขึ้น จนกระทั่งต้องดิ้นรนหาอะไรพิเศษๆให้กับชีวิต แล้วนั่นแหละคือช่องทางที่เงินของเราถูกดูดออกจากกระเป๋าของเราเอง เพื่อบรรเทาความกังวลที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นโดยนักโฆษณา คุณซื้อสิ่งต่างๆเพียงเพราะมีคนบอกว่ามันจะช่วยบรรเทาความกังวลของคุณได้ ซึ่งไม่จริงแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วคุณก็จะต้องกังวลกับกลเม็ดถัดไปของสื่ออยู่ดี เขาไม่ยอมให้ชีวิตคุณสงบสุขหรอก เพราะเมื่อไหร่ที่คุณมีความสุขแล้ว คุณจะหยุดใช้เงิน ชัดไหม

ก็ไม่ต้องไปแสวงหาอะไรพิเศษอีกแล้ว เพราะความพิเศษทั้งหลายมันแค่กลลวงที่มีขึ้นเพื่อขายของให้คุณเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นของที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงกลลวงในการสร้างความกังวลขึ้นมาให้คุณติดกับ แล้วเขาก็มาเสนอการคลี่คลายความกังวลนั้น ด้วยคำโฆษณาที่จัดฉากเอาไว้แล้วว่าสินค้าหรือบริการที่เกินความจำเป็นเหล่านี้จะตอบโจทย์ที่เขาอุปโลกน์ให้เราได้

ผมรับประกัน 100% ว่า พวกเราต้องตายกันทุกคนอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว และเลือกไม่ได้ด้วยว่าจะตายแบบไหน ตายดีหรือตายอนาถ เลือกไม่ได้หรอกครับ ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะตายมาตั้งแต่เกิดแล้ว ดังนั้นอย่าให้ใครมาหลอกเราอีกเลยว่าจะทำให้ชีวิตเราดีเลิศประเสริฐศรีเหนือระดับกว่าคนอื่น

เพราะสุดท้ายคนขายสินค้าหรือบริการให้เราก็หนีความตายไปไม่พ้นเช่นกัน

No comments:

Post a Comment