Thursday, June 27, 2013

มายาการของการสื่อสารและโฆษณา

ทุกอย่างที่ตัวหีบห่อสื่อออกมาเพื่อดึงดูดให้เราตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นทั้งนั้น
วันนี้มาว่ากันด้วยหัวใจแห่งการสื่อสารและโฆษณา อันเป็นหัวใจแห่งการหลอกลวงในระบบทุนกันดีกว่า และที่ต้องมีคำว่าการสื่อสารเข้าไปด้วยก็เพราะตอนนี้เราถูกปิดกั้นปิดบังและบิดเบือนข้อมูลมากขึ้นในทุกทางทุกวงการอย่างน่ากลัว

เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมาผมเดินทางไปดูที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ ขากลับได้นั่งคุยกับนายหน้าที่ร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งไม่ไกลจากแปลงที่ดินที่เราไปดู นายหน้ารายนี้เล่าว่า ทุกวันนี้ทำมาหาเงินไม่พอจะกิน แค่นั้นล่ะ ผมอดสงสัยไม่ได้ก็เลยถามไปว่ามีที่กี่ไร่? เขาตอบว่าสิบกว่าเกือบ 20 ไร่ ผมก็ถามกลับว่าอาหารน่ะปลูกกินเองได้ทำไมไม่ปลูก นายหน้าคนนั้นถึงกับงง ทั้งๆที่ได้เคยไปเยี่ยมเยียนศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องของ อ.ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร) มาแล้วด้วยซ้ำไป
ถึงตรงนั้นผมก็ได้รู้ว่า เขาถูกหลอกให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยวหาเงินไปซื้อข้าวกิน ถูกหลอกว่าให้ใช้เคมีในการเกษตรเพื่อผลผลิตที่ดีได้มาตรฐาน แต่พอเอาผลผลิตไปขาย กลับถูกกระบวนการรับซื้อผลผลิตปิดบังข้อมูลทุกขั้นตอนเพื่อกดราคาขาย ไม่ว่าจะเป็นการชั่งน้ำหนักที่เกษตรกรไม่ได้เห็นกับตาว่าทางผู้รับซื้อชั่งได้นำหนักเท่าไหร่ ความชื้นกี่เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ

Thursday, June 20, 2013

การศึกษาในกะลาของทุนนิยม

ระบบการศึกษาคือระบบเพาะพันธุ์ปศุสัตว์มนุษย์ดีๆนี่เอง
เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมเราถึงไม่ได้ใช้วิชาส่วนใหญ่ที่เราเคยเรียนกันแทบเป็นแทบตายทั้งในโรงเรียนกับในมหาวิทยาลัย สงสัยไหมครับว่าทำไมมันถึงต้องแข่งกันตลอดชีวิตนับตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งตายลงหลุม ยิ่งอายุเยอะขึ้นการแข่งขันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างไร้เหตุผล

ที่ตลกคือเนื้อหาวิชาที่เราใช้งานอยู่ในชีวิตประจำวันจริงๆทุกวันนี้มันก็แค่อ่านออกเขียนได้ บวกลบคูณหารเป็น พูดจารู้เรื่องเท่านั้น แม้กระทั่งอาชีพวิศวกรที่ผมเคยทำมาสิบปีก็แทบจะไม่ได้ใช้วิชาการที่เรียนมาเท่าไหร่เลย ใบปริญญาพอสมัครงานได้ก็แทบไม่ต้องใช้แล้ว ส่วนไอ้ที่แข่งขันกันเอาเป็นเอาตายตั้งแต่ระดับลูกจ้างกระจ๊อกไปจนถึงเจ้าของกิจการใหญ่น่ะ เคยตั้งคำถามกันบ้างไหมว่าแจะแข่งกันไปทำไม ในเมื่อเราก็กินข้าวแค่ 3 มื้อต่อวันเท่านั้นเอง แข่งกันเพื่อความมั่งคั่งส่วนที่เกินจำเป็นงั้นเหรอ?

Wednesday, June 5, 2013

ระบบทุนนิยมกับธรรมชาติเดิมของมนุษย์

เหตุที่การพัฒนาทำให้ทุกข์มากขึ้น ก็เพราะมันเป็นไปเพื่อการขายสินค้าเท่านั้น
ผมขอเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า

ระบบเศรษฐกิจหรือมนุษย์เกิดมีมาก่อนกัน?

คงจะได้คำตอบในใจกันไปแล้วนะครับว่าอะไรเกิดก่อน ที่ต้องอ้างอิงถึงขนาดนี้ก็เพราะว่า จริงๆแล้วมนุษย์เราก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ ภูเขา น้ำทะเล สิงสาราสัตว์ทั้งหลายที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบโดยรวมที่เรียกว่าธรรมชาติเหมือนกัน แต่ระบบเศรษฐกิจทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของ มาจนถึงการใช้ระบบเงิน ระบบเครดิตอย่างในทุกวันนี้ ถือได้ว่ามาทีหลังความเป็นธรรมชาติเดิมแท้ของมนุษย์อย่างแน่นอน

ธรรมชาติเดิมของมนุษย์นั้นก็เหมือนธรรมชาติทั้งหลายที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตามวันเวลาที่ถูกกำหนดโดยการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ น้ำขึ้นน้ำลง ข้างขึ้นข้างแรม และสภาพภูมิอากาศสภาพภูมิประเทศในแต่ละท้องถิ่น บรรพบุรุษเราเคยใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขตามธรรมชาติ ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีภาระให้ต้องยุ่งยากคับแค้นดังเช่นทุกวันนี้ ก็แค่ใช้ชีวิตไปจะทำให้มันยากทำไม