Tuesday, September 4, 2012

ความดัดจริตบนความเรียบง่าย

ว้าว! ชีวิตช่างเรียบง่ายจริงๆ...
ผมเชื่อว่าทุกคนคงใฝ่หาความเรียบง่ายในชีวิตกันอยู่แล้ว

และเราคงเคยเห็นดารา เศรษฐี ไฮโซมากมายที่ออกรายการโทรทัศน์ เพื่อแสดงให้เห็นความเรียบง่ายของชีวิตตน แสดงให้ดูว่าเป็นคนติดดิน หลายคนก็เลยนึกชื่นชมในใจ

แต่ถามจริงๆว่า ถ้าไม่มีเงินแล้วจะเรียบง่ายไม่ได้เลยหรือ? แล้วเบื้องหลังความเรียบง่ายของเขาเหล่านั้นเป็นความเรียบง่ายจริงๆหรือดัดจริตกันไปเอง?

ความเรียบง่ายจริงๆนั้น มันไม่มีอะไรที่ยุ่งยากอยู่เบื้องหลังหรอกครับ ก็แค่ความเรียบง่ายธรรมดาที่ไม่ต้องขึ้นกับเงื่อนไขใดๆ เป็นความเรียบง่ายที่ไม่ต้องไปพยายามว่า มันจะต้องเรียบง่ายแบบนั้นแบบนี้ ต้องเรียบหรูดูดีมีสไตล์ในแบบของฉัน แบบนั้นไม่เรียกว่าความเรียบง่ายหรอกครับ เป็นได้แค่ความดัดจริตบนความเรียบง่ายเท่านั้น และความดัดจริตนี้ก็มีต้นทุนของมันอยู่

ต้นทุนของความดัดจริตทั้งหลายเพื่อที่จะให้ชีวิตเรียบง่ายและปกตินั้น บางทีก็มาจากแรงงานของลูกน้องมากมาย ผู้มีส่วนร่วมจำนวนมาก หรือมาจากเงินจำนวนมากที่สร้างขึ้นมาให้มันดูเรียบง่าย ดูดีในแบบของฉัน นอกจากจะเป็นความเรียบง่ายที่มีต้นทุนสูงแล้ว ก็ยังมีค่าบำรุงรักษาสูงอีกด้วย เอาเหรอครับ?

ปัญหามันเกิดตรงที่ว่า คนที่มีฐานะต่ำกว่าดันอยากจะเรียบง่ายแบบเศรษฐีบ้างน่ะสิ แบบนี้ก็เริ่มที่จะไม่เรียบง่ายซะแล้ว เพราะดันไปเปรียบเทียบความเรียบง่ายของตัวเองกับความเรียบง่ายแบบไฮโซเข้า

ความทุกข์มันก็เลยแซะเข้ามาในชีวิตตรงนี้แหละครับ ตรงที่มันเริ่มเกิดความไม่พอใจไปเสียเอง อยากได้อยากมีแบบเขาขึ้นมาซะงั้น หารู้ไม่ว่าความเรียบง่ายของเหล่าบรรดาเศรษฐีนั้นเขาไม่ได้เรียบง่ายจริงๆหรอก เพราะเขาต้องยุ่งยากจ้างนักออกแบบ สถาปนิก บริษัทรับเหมาต่างๆมาทำสาละวนทำให้มันดูเรียบง่าย ดีไม่ดีหลังฉากความเรียบง่ายอาจจะเป็นความอุตลุต ตบตีกันเพื่อให้ได้งานที่ดีที่สุด หรืออีกทีก็อาจจะเป็นความเรียบง่ายที่มาพร้อมค่าใช้จ่ายก้อนโตได้เหมือนกัน พอเสร็จแล้วยังไงครับ ก็ได้แต่ชื่นชม สักพักก็เบื่อ ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างนอกเดินมาชะเง้ออิจฉาไปวันๆ โดยที่ไม่รู้ว่าคนข้างในบ้านเขาก็เบื่อของเขาจะแย่อยู่แล้ว

รู้หรือเปล่าว่าทำไมความรู้สึกดีๆตอนที่เราได้ของใหม่ๆ กับความรู้สึกหลังจากเราครอบครองมันไปสักระยะหนึ่งจึงไม่เหมือนกัน ก็เพราะมันเบื่อไงครับ ต่อให้ทำบ้านสวยหรูยังไง รถดีแค่ไหน ใช้ไป อยู่ไปสักพัก มันก็เบื่อเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็หนีความจริงนี้ไปไม่พ้น จะทำอะไรก็ไม่ต้องไปอลังการมากนัก

แล้วความเรียบง่ายแบบไฮโซน่ะ เขาก็มีต้นทุนในการดูแลรักษาเพื่อคงสภาพความเรียบง่ายนั้นเอาไว้ให้เป็นฉากหน้าที่ดูดี ซึ่งเบื้องหลังอาจจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะหาเงินมาใช้เพื่อการนี้ก็ได้ เสร็จแล้วก็ยังต้องจ้างคนมาดูแลอีกมากมาย เพราะมันความเรียบง่ายที่อลังการเกินกว่าที่ตัวเองจะดูแลไหว แล้วอย่างนี้ถามว่าเรียบง่ายไหมครับ

อีกตัวอย่างก็ได้ครับ โครงการเกษียณในฝันของทุกคน...บ้านพักตากอากาศ

ผมเชื่อว่าทุกคนต้องการที่จะมีบ้านพักตากอากาศทำเลดีๆในชนบท ยิ่งเป็นวิวทิวเขาหรือทะเลยิ่งดี แต่ลองคิดดูนะครับว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่เพื่อไปซื้อที่จัดสรรราคาแพงหูฉี่ ซึ่งเขาห้ามทำการเกษตรอีกแน่ะ ให้อยู่อาศัยอย่างเดียว ถ้าไปอยู่แล้วต้องขับรถไปซื้อกินอีก ไหนจะต้องหาเงินมาจ้างเข้าสร้างบ้านหลังใหญ่ให้สมฐานะหรืออย่างน้อยก็ทัดเทียมกับบ้านในบริเวณนั้น พอเกษียณแล้วไปอยู่จริง ค่าใช้จ่ายมันไม่ได้ลดลงกว่าตอนทำงานเลยครับ ต้องพึ่งเขาตลอดตั้งแต่อาหารการกิน คนสวน คนใช้ โครงการ ฯลฯ แต่แก่แล้วหมดแรงทำงานแล้ว ทำไงดี ว่าแล้วก็ให้ลูกทำงานเลี้ยงอีก สรุปแบบนี้เรียบง่ายหรือดัดจริตล่ะครับเนี่ย คือถ้าคุณมีเงินเป็นพันล้าน ผมก็ไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคุณหรอกนะ แต่ถ้าคุณเป็นพนักงานต๊อกต๋อยที่มองไปข้างหน้าก็ไม่เห็นอนาคต มองกลับหลังไปก็ไม่มีทางกลับ คุณจะทำยังไง?

ถ้าจะทำโครงการเกษียณจริงก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนที่มีแรงครับ เพราะที่ดินแพงขึ้นทุกวัน ก็ให้ไปหาซื้อที่ดินถูกๆในต่างจังหวัด เริ่มทำเกษตรธรรมชาติแบบพอเพียง จัดพืชพรรณในที่ดินให้เกื้อกูลกันเองตามธรรมชาติ พออยู่ตัวก็ปลดภาระทางการเงินให้หมด แล้วลาออกเลย เกษียณตอนยังมีแรง ไปทำให้มันอยู่ตัว เลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องลงแรงเหนื่อยมาก ไม่ต้องรอจนแก่ เพราะตอนนั้นก็ทำไม่ไหว พอถึงตอนแก่ เชื่อไหมครับว่า ระบบเกษตรธรรมชาติที่เราเตรียมเอาไว้จะดูแลกันเองได้อย่างดี งานที่ต้องทำก็น้อยลง อาหารการกินก็สมบูรณ์เพราะปลูกเอง กินเอง แข็งแรงจากการได้ออกออกกำลังกายในระหว่างทำงานในสวนในไร่ทุกวัน สุขภาพจิตดีไม่ต้องไปแข่งขันอะไรกับใคร ไม่ต้องแบกภาระเพื่อวันเกษียณอีก ไม่ต้องไปจ่ายค่าฟิตเนสแพงๆ คิดดูว่าบางรายโดนโกงอีก(ฮา) เงินเก็บก็มีสม่ำเสมอเพราะอยู่ในสวนในไร่ไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไร ขายได้เท่าไหร่เป็นเงินเก็บล้วนๆ ตัดค่าดูแลสุขภาพออกไปได้เกือบหมดเพราะ การรักษาสุขภาพแนวทางธรรมชาติมีเยอะแยะ ไม่เสียเงินมากด้วย นี่แหละครับความเรียบง่ายที่แท้จริง ความเรียบง่ายที่ดูแลเองได้ง่ายๆไม่ต้องมีต้นทุนมากมาย ไม่ใช่ความเรียบง่ายที่สวาปามต้นทุนตลอดเวลา

โดยเฉพาะความเรียบง่ายที่นักการตลาดขายให้เรานั้นทั้งหมดเป็นความดัดจริตบนความเรียบง่ายทั้งนั้น ก็เพราะคุณต้องจ่ายแลกมันมา คุณต้องแบกต้นทุนความเรียบง่ายด้วยตัวเอง เป็นความเรียบง่ายที่ฝากเอาไว้กับคนอื่นที่จ้องจะขายของให้คุณตลอดเวลา เหนื่อยไหมล่ะครับ

จะทำอะไรก็ให้มันเป็นความเรียบง่ายที่ไม่มีต้นทุนอื่นแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง และสามารถจัดการได้ง่ายๆด้วยตัวเองน่ะ ดีที่สุดแล้วครับ คือให้มันเรียบง่ายตั้งแต่ภาพลักษณ์ที่ออกไปสู่สายตาคนอื่น จนถึงกระบวนการเบื้องหลังที่ทำให้เกิดความเรียบง่ายนั้น ก็ไม่ต้องให้มันดัดจริตอะไร มันก็จะเป็นความเรียบง่ายอย่างแท้จริงไปเอง

จริงๆเราก็ไม่ควรที่จะไหลตามค่านิยม ซึ่งส่งผ่านมาทางรายการโทรทัศน์หรือสื่อทั้งหลายนะครับ เพราะเจ้าของรายการเหล่านั้นก็คือไฮโซนั่นแหละ เขาก็นำเสนอแง่มุมในสังคมของเขา พอเขานำเสนอความเรียบง่ายขึ้นจอ มันก็เป็นความเรียบง่ายในแบบของเขาอีก ซี่งกว่าจะได้ความเรียบง่ายแบบนั้นมา ถามว่าใช้เงินเท่าไหร่ ยากลำบากแค่ไหน...เห็นไหมครับ แค่คิดก็เริ่มไม่เรียบง่ายซะแล้ว

เชื่อเถอะครับ สังคมนี้ไม่มีใครสนใจใครจริงๆหรอก ไม่มีใครสนใจว่าเราอินเทรนด์ไหม เพราะทุกคนสนใจแต่ตัวเอง ไม่เชื่อลองใส่เสื้อที่ขาดเป็นรูเล็กๆ แล้วเดินออกจากบ้านก็ได้ครับ รับรองว่าไม่มีใครทักสักคนเดียว

6 comments:

  1. This comment has been removed by a blog administrator.

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขออภัยครับ ผมดันไปกด remove ออกไป เพราะใช้งานมันไม่ค่อยคล่อง เนื้อความที่คุณ dazedx chantrarat โพสต์ก็มีดังนี้ครับ

      สุดยอดครับ นับวันยิ่งแรงแบบที่ผมไม่กล้าจะเขียนเลย
      ว่างๆแวะมาทักทายกันมั่งนะครับ

      Delete
    2. จริงๆผมไม่ได้ใช้ความกล้าอะไรเลยนะครับ เพียงแต่ว่า พอเข้าถึงสัจธรรมแท้ๆแล้ว มันเข้าใจกลไกของระบบทุนไปเองน่ะครับ คิดว่าเบื้องบนคงต้องการให้ผมล้างภาพมายาที่บดบังความจริงเหล่านี้ลงเสีย ผู้คนจะได้ตื่นออกจากความหลอกลวงเสียที ก็ทำหน้าที่ไปครับ ไม่ได้กลัวอะไร เพราะเราไม่ได้เอ่ยชื่อใครเป็นพิเศษ

      Delete
    3. สวัสดีครับ ผมกลับมาอีกทีปี 2019 จากที่เม้นต์ในปี 2012
      ขอเอาไปแชร์อีกครั้งครับ

      Delete
  2. บทความแบบว่า โดนมากค่ะ ชอบเลยนะคะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ที่มันโดนเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ของทุกคนนั่นแหละ เพียงแต่พอคิดเหมือนๆกันหมด มองในมุมของทุนนิยมอย่างเดียว มันเลยไม่มีใครกล้าที่จะแก้ปัญหาจริงๆ ผมก็เลยเสนอความเป็นจริงแบบตรงๆ ไม่ดัดจริต ไม่อ้อมค้อม ไม่สนอิทธิพลของอะไรทั้งสิ้น พูดมันให้ถึงแก่นไปเลย ซึ่งเมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว มันก็จะเหมือนแก้ปัญหาถูกจุดน่ะครับ

      Delete