Wednesday, July 10, 2013

จุดมุ่งหมายนั้นท่านได้แต่ใดมา?

ความสำเร็จคือการดิ้นรนจากเกาะเล็กๆ ไปติดบนเ่กาะที่ใหญ่กว่า(ฮา)
ผมเชื่อว่าทุกคนมีจุดหมายของชีวิต ผมเองก็เคยมีจนกระทั่งเข้าใจว่าจุดหมายที่ผมเคยมีนั้นมันมาจากไหน ผมก็เลยตัดสินใจที่จะไม่มีจุดหมายเสียดีกว่า

นับตั้งแต่เรายังเด็กๆ เราก็ถูกสอนให้รู้จักการตั้งเป้าหมายเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ถูกฝึกฝนให้ตั้งเป้าหมายใหญ่ขึ้น ถูกสอนเรื่องราวของคุณค่าเพื่อให้เรารู้สึกว่าจุดมุ่งหมายทุกอย่างมีคุณค่าควรแก่การไขว่คว้าและทำให้เรามีคุณค่า เราทุกคนก็เลยได้ฝึกวิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่งเพื่อไขว่คว้าอะไรสักอย่างตามที่สอนๆกันมาอย่างเคร่งเครียด โดยคนสอนเองก็วิ่งขาขวิดเหมือนกันกับม้าในสนามแข่งม้าที่นางเลิ้ง ซึ่งก็ไม่มีใครรู้เลยจริงๆว่าวิ่งกันไปทำอะไร ไม่วิ่งไม่ได้หรือไง

รู้ไหมครับว่า เราวิ่งกันไปทำไม?

หลายคนก็ตอบว่าวิ่งไปเพื่อชีวิตที่ดีกว่า วิ่งไปเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย วิ่งไปเพื่อครอบครัว ฯลฯ

แต่ทำไมไม่ลองถามกันล่ะครับว่าอะไรที่ทำให้เราต้องวิ่งจนกว่าจะหมดแรง วิ่งกันเอาตายจนกว่าจะเกษียณแบบนี้?

วิ่งจนลืมมองตัวเองและสำรวจทางเลือกของชีวิตที่จะแก้ปัญหาได้จริงๆ...หน้ามืดนะที่รัก

ที่เราต้องวิ่งเป็นหนูถึบจักรวันละ 5-6-7 วันต่อสัปดาห์ก็เพราะ ระบบทุนนิยมบอกให้เราวิ่งไงครับ
ระบบทุนบอกเรามาตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนว่าให้เรียนเก่งๆได้เกรดดีๆ แต่ไม่ได้บอกว่าวิชาส่วนใหญ่ที่เรียนมันไม่ได้ใช้ประโยชน์จริงๆหรอกนะ
ระบบทุนบอกเราตอนเข้ามหาวิทยาลัยว่าเรียนให้ได้เกียรตินิยมจะได้งานดีๆ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องไปแข่งคัดเลือกตัวกันอีกหลายรอบและไม่มีหลักประกันอะไรจริงๆ
ระบบทุนบอกเราตอนเรียนจบมาให้หางานดีๆเงินเดือนสูงๆทำ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นแค่โอกาสเท่านั้นนะ
ระบบทุนบอกเราตอนทำงานว่าให้ขยันเพื่อรายได้ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง แต่ก็ไม่ได้มีใครกล้าออกมารับรองว่ามันจะเป็นจริง
ระบบทุนบอกเราตอนเกษียณว่าให้ใช้เงินอย่างเป็นสุข แต่ไม่ได้บอกว่าจะใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างไรโดยไม่ใช้เงิน เพราะเขาต้องการให้เราใช้เงินที่คุณเอาไปจากเขาให้หมดก่อนจะตาย
ระบบทุนบอกเราตอนใกล้ตายว่าให้หาโรงพยาบาลดีๆเพื่อยื้อชีวิตให้นานที่สุด แต่ไม่ได้บอกว่าเราจะได้ทรมานกับกระบวนการยื้อชีวิตนั้นอย่างเต็มอิ่มจนนอนตายตาไม่หลับ แถมยังต้องทิ้งหนี้สินก้อนใหญ่ให้กับคนที่อยู่ข้างหลังอีก

ทุนนิยมบอกเราว่าให้วิ่งๆๆๆๆๆๆ อย่าได้เหลียวหลัง วิ่งไปเพื่อชีวิตที่ดีกว่า อย่าได้เอะใจกับเหตุการณ์จริงที่ขัดแย้งกับภาพสวยๆที่ระบบได้วาดเอาไว้ให้คุณดู ซึ่งบอกตรงๆว่ามันมีมากมายจริงๆ และที่สุดแล้ว คนที่วิ่งแล้วมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมนั้นก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ความรู้สึกว่าประสบความสำเร็จก็ชั่วคราวยิ่งกว่าภาพพลุบนท้องฟ้าเสียอีก แต่ระยะเวลาที่เราวิ่งกันอย่างมาราธอนทั้งชีวิตกลับมีแต่ความทุกข์และความอึดอัดขัดเคืองเต็มไปหมด!!!

และที่เขาไม่กล้าบอกความจริงกับคุณก็เพราะมันจะทำให้เขาขายของไม่ได้ไงเล่า!!!

อย่าหยุดวิ่งนะเธอ เดี๋ยวหนูตัวข้างหลังมันเหยียบเอา!

ที่น่าตลกมากกว่านั้นคือ เราเองก็พร่ำบอกตัวเองเสมอว่าให้สู้ ให้วิ่ง แม้จะเหนื่อยเจียนตายก็ต้องลุกขึ้นสู้ เพราะพอลุกขึ้นสู้แล้วมันรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีกำลังใจ เอาสิ่งที่โดนครอบงำกันมาทั้งชีวิตมาหลอกตัวเองให้วิ่งเสร็จสรรพ โดยไม่คิดจะหาเหตุแห่งทุกข์แล้วแก้มันตรงนั้นอย่างจริงๆจังๆ

มนุษย์ในระบบทุนนิยมนั้น ถูกวางตำแหน่งให้เป็นเพียง ทาสแรงงานในการขับดันระบบเศรษฐกิจเท่านั้น เป็นหนูถีบจักรที่ส่งแรงถีบไปขับเคลื่อนระบบใหญ่ ใครที่การมีศึกษา สภาพร่างกาย หรือคุณสมบัติไม่พร้อมที่จะทำงาน ระบบทุนนิยมก็มีแผนกอนาถารองรับ แปะป้ายให้กลายเป็นคนชายขอบ หรือคนนอก เพราะทำงานไม่ได้อย่างที่ระบบทุนตั้งเป้าในการพัฒนาคนเอาไว้ ก็ให้นั่งรอรับความช่วยเหลือจากคนในระบบทุน กลายเป็นต้นทุนส่วนเกินที่ระบบทุนทำเป็นมองไม่เห็น แล้วก็บอกว่าความช่วยเหลือที่ให้แก่คนเหล่านี้คือความดีงามอย่างหนึ่งของสังคมที่เกื้อกูลกัน

มนุษย์เกิดมาบนโลกนี้มีความเท่าเทียมกันอยู่แล้วตั้งแต่ถือกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน เชื้อชาติ ชนชาติไหน แต่พอมีระบบเศรษฐกิจเข้ามาเท่านั้นแหละ มนุษย์จึงกลับกลายเป็นบางอย่างที่ขัดกับธรรมชาติเดิมโดยสิ้นเชิง ถูกขับดันจนกลายเป็นผู้บริโภคบ้าง เป็นผู้บงการบ้าง เป็นนักฉวยโอกาสบ้าง เป็นเหยื่อแห่งความไม่เท่าเทียมกันบ้าง และทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่สังคมมนุษย์ที่ควรจะเป็นครับ

โลกใบนี้ไม่เคยตัดสินเราแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยจำกัดการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มากมาย ไม่เคยกักขังให้เราอยู่ในระบบอันคับแคบ จนกระทั่งระบบทุนเริ่มถือกำเนิดขึ้นและเข้ามาจัดการชีวิตมนุษย์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยเอาเรื่องเสรีภาพในการเข้าถึงทรัพยากรเข้ามาเป็นจุดขาย ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ จำกัดผ่านทางระบบลิขสิทธิ์ จำกัดโดยผ่านทางสิทธิบัตร จำกัดผ่านระบบสัมปทาน จำกัดผ่านระบบชนชั้น คือเรียกได้ว่าถ้าคุณไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ คุณก็หมดสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดี ทั้งๆที่โลกใบนี้ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเรามากขนาดนี้เลยมาตั้งแต่ต้น
ฉันเชื่อว่าฉันเป็นตัวของตัวเอง!!!

พูดง่ายๆคือพวกเราถูกหลอกครับ ถูกหลอกมาให้มาเป็นแรงงานทาสในระบบทุน และแม้กระทั่งประเชาธิปไตยเองก็ต้องตายลงจากความสามานย์ของระบบทุนนี่แหละ ไม่เชื่อไปดูสิว่า ความเท่าเทียมมีอยู่ที่ไหนในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีนะครับ ถ้าคุณไม่มีเงินก็หมดสิทธิ์ครับ

มนุษย์ทุกวันนี้ถูกต้อนเข้าระบบทุนนิยมเพื่อที่คนมีอำนาจทุนจะได้เคลือนย้ายความมั่งคั่งจากท้องถิ่นไปสู่มือนายทุนไม่กี่คนบนโลก เพราะระบบการค้าต่างแลกเปลี่ยนหรือ Barter trade อย่างเก่านั้น มันจำกัดความมั่งคั่งอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะคงไม่มีมหาเศรษฐีเกิดขึ้นจากการรับแลกเปลี่ยนสินค้าแน่ๆ เพราะติดเรื่องการเคลื่อนย้ายขนส่งสินค้าออกจากพื้นที่ไปเก็บไว้ในที่เดียว ระบบทุนก็เลยคิดเรื่องตัวกลางแลกเปลี่ยนอย่างเงินและระบบธนาคารขึ้นมาเพื่อที่จะได้ยักย้ายความมั่งคั่งจากทั่วทุกมุมโลกไปเป็นของตนได้อย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้เราจึงเห็นได้เห็นนายทุนใหญ่ของโลกที่มีเงินมากพอที่จะเป็นเจ้าของประเทศได้หลายๆประเทศพร้อมๆกัน ตลอดไปจนถึงการเข้าควบคุณประชาธิปไตยของประเทศต่างๆผ่านอำนาจทางการเงิน ขณะที่คนส่วนใหญ่ของโลกปากกัดตีนถีบ ชักหน้าไม่ถึงหลังเพราะไม่รู้เท่าทันระบบ
เราอยู่ในฉากทุนนิยมเหมือนในหนังเรื่องนี้เลย

เรากำลังอยู่ในฉากใหญ่ที่จัดขึ้นโดยระบบทุนนิยม เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่ในนั้น ด้วยการพึ่งพาระบบ ตัดต่อพันธุกรรมเรา ล้างสมองเราด้วยระบบการศึกษาที่ไม่ได้สอนให้เราพึ่งพาตนเอง แต่ให้รู้จัก บูชา และพึ่งพาต่อแต่ระบบทุนนิยม พอจบมาก็ต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าการศึกษาที่ครอบงำเราและลูกของเราจากความเป็นจริง แล้วก็หาเลี้ยงตัวเองอย่างยากลำบาก ต้องแบกต้นทุนทุกอย่างแม้กระทั่งการศึกษาดีๆให้ลูกที่จะต้องออกมาทำงานเป็นทาสระบบในวันข้างหน้าอีก(นายทุนสบายครับ นั่งรอเราดิ้นรนไปหาอย่างเดียว) โดยเอาสื่อและโฆษณานำเสนอภาพชีวิตที่ดีกว่าเพื่อล่อหลอกให้เราวิ่งไปตามจุดหมายปลอมๆที่มีคนเขียนให้ และผลกลับกลายเป็นการส่งเสริมความมั่งคั่งให้กับนายทุนไม่กี่คนบนโลก ให้ระบบทุนกัดกินหาประโยชน์จากทุกส่วนของมนุษย์ชนิดที่แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ อย่างที่มนุษย์เอาเศษไก่ทั้งตัวมาทำนักเก็ตอย่างไรอย่างนั้น

จะบอกได้เลยว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ ไม่มีใครแก้ได้หรอกครับ เพราะคนที่นำเสนอวิธีแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจทั้งหมดก็ยังต้องพึ่งพาระบบอยู่ดี แถมนึกไม่ออกว่าจะพูดล้างตัวเองยังไง(ฮา) คือกลัวไม่มีที่ยืน (ฮา...อีกดอก) ทั้งๆที่ระบบเองนั่นแหละมันขัดกับธรรมชาติของมนุษย์อย่างถึงที่สุด แต่มนุษย์ก็ยังจำนนต่อเงื่อนไขที่เป็นปัญหาเหล่านี้ และอยู่กันอย่างมีปัญหาต่อไปอย่างสิ้นหวัง

ทุกวันนี้เราก็เลยเห็นรัฐบาลทุกประเทศกระเสือกกระสนทำทุกอย่างเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ เร่ง GDP โดยไม่ได้สนใจคนตัวเล็กๆอีกต่อไปแล้ว ประชาชนมีหน้าที่แค่เสียภาษีเพื่อขับดันระบบให้เดินหน้าต่อไปได้และมีหน้าที่เลือกนักการเมืองเข้าไปจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติที่ควรจะเป็นของคนทั้งประเทศให้นายทุนใหญ่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง ส่วนคนชายขอบอย่างคนพิการ คนปัญญาอ่อน คนที่ไม่ปกติตามมาตรฐานสังคมนั้น ก็ไปแบกภาระกันเอาเอง เพราะระบบนี้ไม่ยอมให้คนไร้ความสามารถ(ตามความคาดหวังของระบบ)ได้มีชีวิตตามมาตรฐานสังคม ซึ่งถูกเขียนขึ้นอย่างมีเงื่อนไขว่าคุณจะต้องทำงานปั่นเงินให้ระบบได้เท่านั้นถึงจะได้สิทธิ์นี้ กลุ่มคนตกขบวนทุนนิยมจึงมีมาก และกลายเป็นปัญหาสังคมทิ่มแทงระบบทุนมากขึ้นเรื่อยๆจนทุกวันนี้

อะไรที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
ทุนนิยมจะเป็นคนบอกเอง...คุณไม่มีสิทธิ์!!

ส่วนคนที่กำลังใกล้จะวิ่งถึงความใฝ่ฝันของตนเองหรือประสบความสำเร็จไปแล้วก็อย่าดีใจได้ใจไปนะครับ เพราะความใฝ่ฝันทั้งหลาย จุดมุ่งหมายของคุณทั้งหลาย ก็ล้วนแล้วแต่ถูกชี้นำและปั้นขึ้นโดยระบบทุนนิยมเพื่อให้คุณได้หยิบยืมไปใช้และแปะชื่อตัวเองลงไปให้ภูมิใจเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่สร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความภาคภูมิใจหลอกๆให้กับเด็กนั่นแหละ ฉะนั้นก็อย่าหลงคิดว่าตัวเองเจ๋งคิดได้เองเสียล่ะ เพราะทุกเงื่อนไขของความสำเร็จก็ล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบมาให้ระบบทุนสามารถหาประโยชน์ได้หมดทุกส่วนจริงๆ ไม่เชื่อคุณก็ลองล้มดูสักทีสิ แล้วจะได้เห็นความเป็นจริงของระบบได้ชัดๆเสียที

และที่สุดแล้วการประสบความสำเร็จในชีวิตที่คุณได้มันมานั้น มันก็จะกลับกลายเป็นโซ่อีกเส้นหนึ่งที่ล่ามคุณเอาไว้ไม่ให้ไปไหน ไม่ให้ลงต่ำไปกว่านั้น แถมขับดันคุณให้ต่อสู้ด้วยความเหนื่อยยากเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับระบบโดยคุณก็ได้แค่เศษส่วนแบ่งจากมันเพียงนิดเดียวเหมือนเช่นที่ผ่านๆมาเท่านั้นเอง
มาฉลองให้ส่วนแบ่งอันกระจิ๋วหลิวเพื่อมวลมนุษย์ชาติกันครับ(ฮา)

ปล.ปศุสัตว์เมืองใหญ่ทำหน้าที่เปิดเผยความจริงกันมาพอสมควรแล้ว รออ่านเนื้อหาการปลดแอกกันได้ในบล็อก "หมู่บ้านพอ" นะครับ เร็วๆนี้

7 comments:

  1. ชอบมากค่ะ เขียนได้ดีมากอ่านง่ายเข้าใจง่าย ขอบคุณค่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ให้คนอ่านกันเยอะๆครับ จะได้หายบ้ากันได้แล้ว

      Delete
  2. เจ้าของบล๊อกเดินหน้าออกนอกระบบถึงขึ้นไหนแล้วครับ คุยหลังไมค์กันได้มัียครับผม

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตอนนี้รวบรวมพลพรรคได้ประมาณเกือบๆ 30 ครอบครัวครับ กำลังจะเจรจาซื้อกับเจ้าของที่ดินอยู่ ใกล้แล้ว ตอนนี้มีคนเริ่มเข้ามาเป็นแนวร่วมเยอะขึ้นแล้วครับ เพราะเรื่องแบบนี้ทำคนเดียวไปไม่รอดครับ เมื่อได้ที่ดินแล้วก็คงจะได้เห็นข่าวคราวกันผ่านบล็อก หมู่บ้านพอ ครับ

      Delete
  3. ขอถามอะไรอย่างนะครับ ที่คุณบอกว่าระบบทุนนยมมันขัดต่อธรรมชาติของทนุษย์ นั้น มันเป็นยังไง เเล้วไอ้ธรรมชาติของมนุษย์ ที่คุณพูดถึงนั้นมันคืออะไร เกิด เเก่ เจ็บ ตาย ? ช่วยขยายความหน่อยนะครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ธรรมชาติของมนุษย์ดั้งเดิมนั้น มีบันทึกเอาไว้ในคำสอนของทุกศาสนาครับ คือ มีเมตตากรุณาต่อกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ให้อภัยกัน ธรรมชาติของมนุษย์ดั้งเดิมนั้นไม่ต้องแสวงหาความสุข เพราะไม่ได้ทุกข์อะไร ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมายก็มีกิน ไม่ต้องกินสารเคมี ไม่ต้องเป็นทาสให้ระบบทุน ไม่มีความเป็นผู้บริโภค ไม่มีจน ไม่มีรวย ไม่มีคนชายขอบ ทุกคนก็มีกิน ธรรมชาติให้อาหารการกินเรามาหมดแล้ว พืชผักผลไม้ที่มีในโลกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ธรรมชาติให้เรามาหมดแล้ว แต่กลับถูกผูกขาดเอาไว้ซื้อขาย ให้ต้องดิ้นรนแสวงหา มนุษย์ในปัจจุบันก็เลยมีจิตใจที่คล้ายเปรตมากกว่า ส่วนพวกที่จดจ่อหมกมุ่นอยู่กับสิ่งทั้งหลายเช่น เล่นเกมมากไป หมกมุ่นกับงานมากไป หมกมุ่นกับอะไรมากเกินไป จิตใจจะไม่มีกำลัง กลายเป็นจิตของอสุรกายแทน ส่วนพวกที่เอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนคนอื่นมากๆ พวกนี้มีจิตเป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนพวกที่คลั่งแค้น แร้นแค้น อึดอัดขัดเคืองในตัวเองตลอดเวลา พวกนี้เป็นสัตว์นรก ซึ่งจะเห็นได้ว่า สังคมมนุษย์ทุกวันนี้ มันไม่ใช่สังคมมนุษย์แล้ว แต่มันคืออบายภูมิที่มีเปลือกนอกเป็นมนุษย์เท่านั้นเอง สังคมโลกจึงร้อนรน ทุกข์เวทนาจัดจ้าน และทั้งหมดก็มีเหตุที่มาจากการกระตุ้นตัณหาและการสร้างระบบให้ผู้คนดิ้นรนในการแสวงหาจนเปลี่ยนมนุษย์กลายเป็นเดรัจฉานนั่นเอง น่าจะเคลียร์นะครับ

      Delete
    2. อีกนิดนึงครับ พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า ทุกอย่างล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่แล้ว หรือแปลได้ว่า ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไป เสื่อมไปโดยตัวมันเอง และไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขาเลย นั่นก็แปลว่า ไอ้ที่เราหลงๆกันอยู่นี้ มันคือมายาสมมติทั้งนั้น แล้วมนุษย์ก็ทำให้มันยุ่งยากมากขึ้นด้วยมายาสมมติอีกชุดหนึ่งที่เรียกว่าทุนนิยม ซึ่งยิ่งหลอกให้เราหลงสมมติซ้อนมากขึ้น ดังนั้นการแก้ปัญหาเชิงสมมติจึงไม่มีประโยชน์อันใด ปศุสัตว์เมืองใหญ่จึงทำหน้าที่ในการล้างมายาสมมติของระบบทุนออกไป ให้คนได้มีสติตื่นขึ้นมาเข้าใจพื้นฐานความเป็นจริง ส่วนจะออกจากระบบได้หรือไม่นั้น คงจะต้องติดตามใน หมู่บ้านพอ (เป็นอีกบล็อกหนึ่งที่ยังไม่ได้เริ่มมีเนื้อหามากนัก แต่จะนำเสนอทางออกที่ไม่ต้องพึ่งพาระบบทุนจนกลายเป็นพันธนาการทาสแบบในปัจจุบันครับ)

      Delete