ทุนเหรอ?
แรงงานเหรอ?
ตลาดหุ้นเหรอ?
ผิดหมดครับ
ที่ตอบมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเปลือกนอก
เป็นองค์ประกอบที่ใช้ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
แต่สิ่งที่เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนระบบทุนนิยมจริงๆคือ "ความอยาก"
หรือตัณหาไงล่ะ
อ้าวก็ระบบเศรษฐกิจนั้นขึ้นกับอะไรครับ
ก็อุปสงค์ หรือความอยาก(Demand)
และก็ อุปทาน หรือการสนองความอยาก(Supply)น่ะสิครับ
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พูดว่าระบบทุนนิยมนั้นขึ้นกับตัณหาของผู้คนได้อย่างไร
ถูกไหมเล่า
ระบบทุนนิยมจะดำเนินไปต่อไม่ได้ถ้าผู้คนหายอยากหรือหยุดอยากครับ
ที่มีคนบอกว่าพระพุทธศาสนาสอนให้คนถอยหลังลงคลองนั้นถูกต้องแล้วครับ
มันเป็นทัศนคติแบบทุนที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความทะยานอยก
ซึ่งคาดว่าคนที่พูดแบบนี้น่าจะเป็นเปรตมากกว่า(รับรองว่าตายไปเป็นเปรตชัวร์)
ระบบทุนนิยมนั้นขับเคลื่อนด้วยความอยาก 100% เต็ม
เพราะถ้าไม่มีคนอยากได้สินค้า อยากได้ผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตก็ต้องปิดตัวลง
ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องมาก็พลันล่มสลายลงพร้อมๆกัน
เคยได้ยินเพื่อนที่เป็นอเมริกันบอกว่าถ้าคนอเมริกันหยุดใช้เงินฟุ่มเฟือย
เศรษฐกิจจะล้มทันที เอากะมันสิ
แล้วเราก็มักจะเจอคำขู่ว่า
ถ้าผู้บริโภคหยุดบริโภค ธุรกิจก็ล่มสลายไป คนก็ตกงานไปด้วย จะเอาเหรอ ดูมัน
จับเราเป็นตัวประกันเฉยเลย
ด้วยเหตุนี้เองเราจึงได้เห็นแคมเปญโฆษณาประชาสัมพันธ์
กิจกรรมส่งเสริมการขายมากมายที่ถูกออกแบบและจัดวางมาเพื่อ "กระตุ้น"
ความอยากของมนุษย์กลุ่มเป้าหมาย
ซึ่งถูกผู้ผลิตและนักการตลาดแปะป้ายเอาไว้ว่าเป็นผู้บริโภค
(เอ่อ...ผมขอเป็นคนธรรมดาก็ได้นะ ไม่ต้องยกตำแหน่งอะไรให้หรอกไม่ต้องการ)
ไม่เชื่อไปดูยอดขายรถเป็นแสนๆคันในช่วงที่น้ำมันกำลังขึ้นราคากระฉูดสิครับ
มันกลายเป็นเรื่องตลกที่ผมแอบขำอยู่คนเดียวว่าตกลงใครบ้ากันแน่วะ
แถมยังแอบทึ่งพวกนักการตลาดและนักโฆษณาด้วยว่ามันเก่งนะ
หลอกคนมาซื้อสินค้าได้ขนาดนั้น (รับรองอีกก็ได้ครับว่าสองอาชีพนี้อยู่ในนรกกันเยอะจริงๆ555)
แต่จะทำยังไงได้เล่าในเมื่อทุกพื้นที่ในเมืองหรือนอกเมือง
มันมีแต่ป้ายโฆษณา เสียงที่ไปตามสายก็มีแต่โฆษณา
หรือแม้กระทั่งเปิดอินเตอร์เน็ตมาก็มีแต่โฆษณา
เราถูกกรอกหูกรอกตาทุกวันด้วยโฆษณาที่ยั่วกิเลสมากเหมือนไก่ในฟาร์มที่ถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้มันกินไม่หยุด
ดูไปเสพไปก็อยากได้อยากมี แต่พอมีไปแล้วก็ต้องไปเป็นทาสมัน
ไม่เชื่อไปดูไอ้พวกที่ซื้อมือถือแพงๆสิ บอกว่าเป็น smart
phone แต่ไหงเรากลับต้องเสียเวลาดูมันเล่นกับมัน
ศึกษาข้อมูลการใช้งานมันตลอดเวลา(บางคนนี่เล่นกับมันมากกว่าเล่นกับลูกตัวเองเสียอีก)
เดี๋ยวดู เดี๋ยวเขี่ย บ้าหรือเปล่าล่ะ ตกลงที่มันว่าเป็น smart
phone นี่ คือมันฉลาดที่หลอกลูกค้าที่เป็น stupid customer ให้ซื้อได้ใช่ไหม(ฮา)
นี่แหละครับความอยากทั้งหลายของเราทำให้เราหาเหตุผลแปลกๆที่จะซื้อสินค้าเกินจำเป็น
แล้วตกเป็นทาสมัน หลายคนเห็นรถใหม่ป้ายแดงจอดเรียงรายกันอยู่ในคอนโดหรู ก็นึกอิจฉา
ไม่ต้องไปอิจฉาเขาหรอกครับ ผ่อนทั่งนั้น ติดสัญญาทาสทั้งนั้น หรือไอ้คอนโดหรูๆน่ะ
ผ่อนตลอดชีวิตนะครับทำเป็นเล่นไป เหอๆ แล้วไอ้ช่วงที่ผ่อนนะ
ทรัพย์สินไม่ใช่ของเรานะครับ
เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงินที่เอามาให้เราเช่าใช้จนกว่าจะผ่อนหมดนั่นแหละ
ทีนี้รู้หรือยังว่าใครโง่
และด้วยความที่ระบบทุนนิยมดำเนินไปด้วยความอยากของผู้คนนี้เอง
คนในระบบทุนนิยมจึงต้องเต้นเร่าๆตามจังหวะของเพลงที่มีคนมาเปิดให้เต้นได้ทุกวัน
บางคนไฮโซหน่อยก็บอกว่าชั้นไม่เต้นตามเพลงเธอหรอก ชั้นเต้นตามเพลงของชั้นเอง
เออ...สรุปว่าเต้นเป็นไก่เหมือนกันหมด ไม่ต้องแบ่งแยกก็ได้ครับ(ฮา)
เมื่อเราถูกกระตุ้นมากๆเข้า
มันไม่มีความสุขหรอกครับ เพราะคนที่อยู่ในระบทุนนิยมจะไม่รู้จักพอ
ไอ้ที่ไม่รู้จักพอนี่มันเปรตนะครับ ไม่ใช่คน มันจะหิวกระหายตลอดเวลา
หาเรื่องเสพนั่นเสพนี่ตลอดเวลา เหมือนคนบ้าน่ะ เปรียบได้กับแก้วน้ำที่ไม่มีก้น
เติมน้ำเข้าไปเท่าไหร่ไหลออกหมด มันก็เลยต้องวิ่งหาไปเรื่อยไม่รู้จบ
วังเวงนะครับแบบนี้น่ะ แล้วไอ้ส่วนที่เราวิ่งหาน่ะ
เป็นส่วนเกินของพื้นฐานชีวิตทั้งนั้น พอเราละเลยปัจจัยพื้นฐานของชีวิต
แถมเอาไปฝากไว้กับคนอื่น ทีนี้ข้าศึกก็เข้ามาทางปัจจัยสี่นี่แหละครับ
แล้วทีนี้ใครเล่าที่แย่ถ้าไม่ใช่เรา
เหตุนี้เองที่นายทุนทั้งหลายถึงไม่สนับสนุนให้เศรษฐกิจพอเพียงเกิดและเติบโตขึ้นอย่างจริงจัง
เพราะแนวทางนี้จะไปชลอความอยากของผู้คน
ทำให้ผู้คนมีภูมิคุ้มกันจากความอยากซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบทุนไม่ต้องการ
ข้อที่ว่าทำให้เกิดความมีเหตุมีผลในการใช้ชีวิตซึ่งระบบทุนก็ไม่ต้องการอีกเหมือนกัน
เพราะระบบทุนต้องการให้คุณล่องลอยอยู่ในภาพแห่งความฝัน
จมอยู่ในอุปสงค์ลวงจะได้ควักเงินออกจากกระเป๋าได้ง่ายๆหน่อย
และทำให้คนพึ่งตนเองได้ ซึ่งระบบทุนก็ไม่ต้องการอีก เพราะถ้าคนพึ่งตนเองได้
แล้วนายทุนทั้งหลายจะทำสินค้าขายให้ใคร
แล้วที่ผมว่าทุกคนตกอยู่ในอุปสงค์ลวงนั้นคืออะไร
ก็คือความอยากที่ถูกกระบวนการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างขึ้นน่ะสิครับ
ถ้าจะพูดถึงกระบวนการนี้ คงเขียนหนังสือได้อีกครึ่งเล่ม
เพราะกระบวนการมันซับซ้อนมากๆ
เอาเป็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นของเราทุกวันนี้เป็นอุปสงค์ลวงเกินครึ่งด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็น smart phhone
ไปจนถึงแพ็คเกจมือถือ อินเตอร์เน็ต บ้านหรูหรา รถราคาแพง ฯลฯ อีกมากมาย
ซึ่งถ้าเราลดความจำเป็นตรงนี้ลงได้หมดชีวิตมันก็สงบสุขแล้ว
ไม่ต้องไปแสวงหาความสุขแบบต้องเสียเงินอีก
ถึงตรงนี้ก็คงจะเห็นแล้วนะครับว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนของระบบทุน
ซึ่งเราไม่มีธุระอะไรกับมันหรอก ไม่ต้องไปยุ่ง ไม่ต้องต่อต้าน
สิ่งที่เราต้องทำคือ
สำรวจตัวเราเอง ทำความเข้าใจกลไกทั้งหลายของทุนนิยมให้กระจ่างแจ้ง
ตรงจุดตรงประเด็น โดยใช้พื้นฐานพิจารณาเอาเองว่าอะไรคือเหตุแห่งทุกข์
ก็ให้แก้ตรงนั้น
ซึ่งจริงๆแล้วในหลวงท่านก็ทรงพระราชทานแนวทางเอาไว้แล้วในหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั่นแหละครับ
ตรงจุดที่สุดแล้ว
ที่สำคัญคือ
หยุดสนองความอยากกันได้แล้วครับ เพราะอยากขึ้นมาที เรานั่นแหละที่จะทุกข์ไปเอง
No comments:
Post a Comment