Friday, July 13, 2012

หัวใจแห่งทุนนิยม: อย่า-หยุด-อยาก

หัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระบบทุนนิยมคืออะไรรู้ไหมครับ?

ทุนเหรอ?
แรงงานเหรอ?
ตลาดหุ้นเหรอ?

ผิดหมดครับ ที่ตอบมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเปลือกนอก เป็นองค์ประกอบที่ใช้ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนระบบทุนนิยมจริงๆคือ "ความอยาก" หรือตัณหาไงล่ะ

อ้าวก็ระบบเศรษฐกิจนั้นขึ้นกับอะไรครับ ก็อุปสงค์ หรือความอยาก(Demand) และก็ อุปทาน หรือการสนองความอยาก(Supply)น่ะสิครับ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พูดว่าระบบทุนนิยมนั้นขึ้นกับตัณหาของผู้คนได้อย่างไร ถูกไหมเล่า

ระบบทุนนิยมจะดำเนินไปต่อไม่ได้ถ้าผู้คนหายอยากหรือหยุดอยากครับ ที่มีคนบอกว่าพระพุทธศาสนาสอนให้คนถอยหลังลงคลองนั้นถูกต้องแล้วครับ มันเป็นทัศนคติแบบทุนที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความทะยานอยก ซึ่งคาดว่าคนที่พูดแบบนี้น่าจะเป็นเปรตมากกว่า(รับรองว่าตายไปเป็นเปรตชัวร์)

ระบบทุนนิยมนั้นขับเคลื่อนด้วยความอยาก 100% เต็ม เพราะถ้าไม่มีคนอยากได้สินค้า อยากได้ผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตก็ต้องปิดตัวลง ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องมาก็พลันล่มสลายลงพร้อมๆกัน เคยได้ยินเพื่อนที่เป็นอเมริกันบอกว่าถ้าคนอเมริกันหยุดใช้เงินฟุ่มเฟือย เศรษฐกิจจะล้มทันที เอากะมันสิ

แล้วเราก็มักจะเจอคำขู่ว่า ถ้าผู้บริโภคหยุดบริโภค ธุรกิจก็ล่มสลายไป คนก็ตกงานไปด้วย จะเอาเหรอ ดูมัน จับเราเป็นตัวประกันเฉยเลย

ด้วยเหตุนี้เองเราจึงได้เห็นแคมเปญโฆษณาประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการขายมากมายที่ถูกออกแบบและจัดวางมาเพื่อ "กระตุ้น" ความอยากของมนุษย์กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งถูกผู้ผลิตและนักการตลาดแปะป้ายเอาไว้ว่าเป็นผู้บริโภค (เอ่อ...ผมขอเป็นคนธรรมดาก็ได้นะ ไม่ต้องยกตำแหน่งอะไรให้หรอกไม่ต้องการ)

ไม่เชื่อไปดูยอดขายรถเป็นแสนๆคันในช่วงที่น้ำมันกำลังขึ้นราคากระฉูดสิครับ มันกลายเป็นเรื่องตลกที่ผมแอบขำอยู่คนเดียวว่าตกลงใครบ้ากันแน่วะ แถมยังแอบทึ่งพวกนักการตลาดและนักโฆษณาด้วยว่ามันเก่งนะ หลอกคนมาซื้อสินค้าได้ขนาดนั้น (รับรองอีกก็ได้ครับว่าสองอาชีพนี้อยู่ในนรกกันเยอะจริงๆ555)

แต่จะทำยังไงได้เล่าในเมื่อทุกพื้นที่ในเมืองหรือนอกเมือง มันมีแต่ป้ายโฆษณา เสียงที่ไปตามสายก็มีแต่โฆษณา หรือแม้กระทั่งเปิดอินเตอร์เน็ตมาก็มีแต่โฆษณา เราถูกกรอกหูกรอกตาทุกวันด้วยโฆษณาที่ยั่วกิเลสมากเหมือนไก่ในฟาร์มที่ถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้มันกินไม่หยุด ดูไปเสพไปก็อยากได้อยากมี แต่พอมีไปแล้วก็ต้องไปเป็นทาสมัน ไม่เชื่อไปดูไอ้พวกที่ซื้อมือถือแพงๆสิ บอกว่าเป็น smart phone แต่ไหงเรากลับต้องเสียเวลาดูมันเล่นกับมัน ศึกษาข้อมูลการใช้งานมันตลอดเวลา(บางคนนี่เล่นกับมันมากกว่าเล่นกับลูกตัวเองเสียอีก) เดี๋ยวดู เดี๋ยวเขี่ย บ้าหรือเปล่าล่ะ ตกลงที่มันว่าเป็น smart phone นี่ คือมันฉลาดที่หลอกลูกค้าที่เป็น stupid customer ให้ซื้อได้ใช่ไหม(ฮา)

นี่แหละครับความอยากทั้งหลายของเราทำให้เราหาเหตุผลแปลกๆที่จะซื้อสินค้าเกินจำเป็น แล้วตกเป็นทาสมัน หลายคนเห็นรถใหม่ป้ายแดงจอดเรียงรายกันอยู่ในคอนโดหรู ก็นึกอิจฉา ไม่ต้องไปอิจฉาเขาหรอกครับ ผ่อนทั่งนั้น ติดสัญญาทาสทั้งนั้น หรือไอ้คอนโดหรูๆน่ะ ผ่อนตลอดชีวิตนะครับทำเป็นเล่นไป เหอๆ แล้วไอ้ช่วงที่ผ่อนนะ ทรัพย์สินไม่ใช่ของเรานะครับ เป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงินที่เอามาให้เราเช่าใช้จนกว่าจะผ่อนหมดนั่นแหละ ทีนี้รู้หรือยังว่าใครโง่

และด้วยความที่ระบบทุนนิยมดำเนินไปด้วยความอยากของผู้คนนี้เอง คนในระบบทุนนิยมจึงต้องเต้นเร่าๆตามจังหวะของเพลงที่มีคนมาเปิดให้เต้นได้ทุกวัน บางคนไฮโซหน่อยก็บอกว่าชั้นไม่เต้นตามเพลงเธอหรอก ชั้นเต้นตามเพลงของชั้นเอง เออ...สรุปว่าเต้นเป็นไก่เหมือนกันหมด ไม่ต้องแบ่งแยกก็ได้ครับ(ฮา)

เมื่อเราถูกกระตุ้นมากๆเข้า มันไม่มีความสุขหรอกครับ เพราะคนที่อยู่ในระบทุนนิยมจะไม่รู้จักพอ ไอ้ที่ไม่รู้จักพอนี่มันเปรตนะครับ ไม่ใช่คน มันจะหิวกระหายตลอดเวลา หาเรื่องเสพนั่นเสพนี่ตลอดเวลา เหมือนคนบ้าน่ะ เปรียบได้กับแก้วน้ำที่ไม่มีก้น เติมน้ำเข้าไปเท่าไหร่ไหลออกหมด มันก็เลยต้องวิ่งหาไปเรื่อยไม่รู้จบ วังเวงนะครับแบบนี้น่ะ แล้วไอ้ส่วนที่เราวิ่งหาน่ะ เป็นส่วนเกินของพื้นฐานชีวิตทั้งนั้น พอเราละเลยปัจจัยพื้นฐานของชีวิต แถมเอาไปฝากไว้กับคนอื่น ทีนี้ข้าศึกก็เข้ามาทางปัจจัยสี่นี่แหละครับ แล้วทีนี้ใครเล่าที่แย่ถ้าไม่ใช่เรา

เหตุนี้เองที่นายทุนทั้งหลายถึงไม่สนับสนุนให้เศรษฐกิจพอเพียงเกิดและเติบโตขึ้นอย่างจริงจัง เพราะแนวทางนี้จะไปชลอความอยากของผู้คน ทำให้ผู้คนมีภูมิคุ้มกันจากความอยากซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบทุนไม่ต้องการ ข้อที่ว่าทำให้เกิดความมีเหตุมีผลในการใช้ชีวิตซึ่งระบบทุนก็ไม่ต้องการอีกเหมือนกัน เพราะระบบทุนต้องการให้คุณล่องลอยอยู่ในภาพแห่งความฝัน จมอยู่ในอุปสงค์ลวงจะได้ควักเงินออกจากกระเป๋าได้ง่ายๆหน่อย และทำให้คนพึ่งตนเองได้ ซึ่งระบบทุนก็ไม่ต้องการอีก เพราะถ้าคนพึ่งตนเองได้ แล้วนายทุนทั้งหลายจะทำสินค้าขายให้ใคร

แล้วที่ผมว่าทุกคนตกอยู่ในอุปสงค์ลวงนั้นคืออะไร ก็คือความอยากที่ถูกกระบวนการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างขึ้นน่ะสิครับ ถ้าจะพูดถึงกระบวนการนี้ คงเขียนหนังสือได้อีกครึ่งเล่ม เพราะกระบวนการมันซับซ้อนมากๆ เอาเป็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นของเราทุกวันนี้เป็นอุปสงค์ลวงเกินครึ่งด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น smart phhone ไปจนถึงแพ็คเกจมือถือ อินเตอร์เน็ต บ้านหรูหรา รถราคาแพง ฯลฯ อีกมากมาย ซึ่งถ้าเราลดความจำเป็นตรงนี้ลงได้หมดชีวิตมันก็สงบสุขแล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาความสุขแบบต้องเสียเงินอีก

ถึงตรงนี้ก็คงจะเห็นแล้วนะครับว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนของระบบทุน ซึ่งเราไม่มีธุระอะไรกับมันหรอก ไม่ต้องไปยุ่ง ไม่ต้องต่อต้าน

สิ่งที่เราต้องทำคือ สำรวจตัวเราเอง ทำความเข้าใจกลไกทั้งหลายของทุนนิยมให้กระจ่างแจ้ง ตรงจุดตรงประเด็น โดยใช้พื้นฐานพิจารณาเอาเองว่าอะไรคือเหตุแห่งทุกข์ ก็ให้แก้ตรงนั้น ซึ่งจริงๆแล้วในหลวงท่านก็ทรงพระราชทานแนวทางเอาไว้แล้วในหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั่นแหละครับ ตรงจุดที่สุดแล้ว

ที่สำคัญคือ หยุดสนองความอยากกันได้แล้วครับ เพราะอยากขึ้นมาที เรานั่นแหละที่จะทุกข์ไปเอง

No comments:

Post a Comment