smartphone ถ้าใช้แบบบ้าคลั่งอาจจะทำให้เป็น stupid userได้ |
ผมอ่านแล้วทั้งตลกทั้งหงุดหงิด ก็มันจะโทรฟรีตรงไหน กรูจ่ายเงินไปแล้ว มึงยังจะมาเคลมว่าโทรฟรีอีกเหรอเนี่ย ดูนะครับอาชีพเขียนก็อปปี้นี่โคตรจะโกหกเลย
ไม่ใช่แค่มือถือนะครับ ทุกอย่างที่คุณคิดว่ามันอำนวยความสะดวกให้คุณ ช่วยให้คุณมีความสุขสนุกสนาน อย่างรายการทีวีทั้งหลาย อินเตอร์เน็ต ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนมือถือ แท็บเล็ต ทุกอย่างในชีวิตล้วนนำมาซึ่งความสุขและอิสรภาพรายเดือนให้ต้องแบกกันอานทั้งนั้น ไม่เชื่อลองไปถามคนมีบัตรเครดิตสิ ใช้บัตรจ่ายค่าอะไรไปบ้างจำไม่ได้หรอก พอใบแจ้งหนี้มา เห็นลมแทบจับกันเกือบทุกคน อย่างนี้จะเรียกว่ามีอิสรภาพกันอีกไหม
ทุกวันนี้โฆษณาทั้งหลายเอาได้เอาคำว่าอิสรภาพมาเป็นจุดขายอย่างกว้างขวางราวกับโลกนี้มันคับแคบเหมือนคุกซะงั้น คือเขาชอบโฆษณากันว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ คุณก็จะมีอิสรภาพ ย้ำนะครับ ต้องมีเงินซื้อถึงจะมีอิสรภาพได้ ไม่น่าเล่าคนทุกวันนี้ถึงกระหายเงินกันจริงๆ ชีวิตทำงานมันก็ไม่มีอิสรภาพอยู่แล้ว ขอดิ้นรนหาเงินมาซื้ออิสรภาพสักหน่อยท่าจะดี
อิสรภาพมะเหงกสิครับ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งติด ยิ่งพันธนาการ ชีวิตก่อนหน้าที่จะมีโฆษณาพวกนี้มันก็ดีกว่าเห็นๆอยู่แล้ว ไม่เชื่อลองนึกไปถึงชีวิตก่อนทีจะมีมือถือใช้กันสิ ผมว่าสงบสุขมากกว่นี้เยอะ เดี๋ยวนี้จะขี้จะเยี่ยวก็โทร ก็อัพสเตตัสกันละเอียดแทบทุกเม็ด จนบางคนถึงขนาดว่าถ้าเจอหน้ากัน ก็ไม่มีอะไรคุยแล้ว รู้ไส้กันหมด
อิสรภาพจริงๆไม่มีนักโฆษณาคนไหนกล้าพูดถึงหรอกครับ เพราะมันขายของไม่ได้ ฆ่าตัวตายทางอาชีพน่ะพอได้ แต่ผมจะเขียนให้อ่านกันตรงๆแบบไม่บิดเบือน เพราะเอียนไอ้พวกนี้มานานแล้ว
อิสรภาพจริงๆ คุณก็ต้องอิสระจากอิทธิพลของสื่อที่มีต่อจิตใจและอารมณ์ของคุณ อิสระจากการที่จะใช้หรือไม่ใช้อะไร อิสระจากการเลือก และถ้าจะอ้างอิงถึงเนื้อหาสัจธรรมจริงๆแล้วก็ให้มันอิสระจากจิตใจของตัวเองด้วยก็จะประเสริฐมาก คือไม่มีอะไรที่จะมีอิทธิพลกับเราได้อีก นี่คืออิสรภาพจริงๆที่ไม่ได้ช่วยใครให้ขายของได้เลย
กระบวนการบิดเบือนความหมายต่างๆเหล่านี้ กำลังระบาดหนักในหมู่นักการตลาด นักโฆษณา และนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความจริงครึ่งเดียวนะครับ แต่มันคือคำโกหกเต็มๆ โกหกเพื่อที่จะขายสินค้าและบริการกันอย่างเดียว เป็นคำโกหกที่เนียนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะแจงความจริง
มีอีกสิ่งหนี่งที่คุณควรรู้เอาไว้ก็คือ การขายของในยุคสมัยนี้มักจะมาในรูปของสัญญาทาส คือตัวสิ่งของอาจจะถูกจริงๆ เงื่อนไขเริ่มแรกอาจจะดีจริงๆ แต่มันก็เป็นไปเพื่อการล่อให้คุณติดกับดัก และเขาจะมาฟันคุณเลือดสาดตอนเก็บค่ารายเดือน และรีดกำไรสูงๆจากการคิดค่าบริการในแต่ละครั้ง เหมือนคุณเชื้อเชิญผีดูดเลือดให้มาเกาะคุณนั่นแหละ มันก็ดูดเอาๆอยู่เรื่อยๆ อิสรภาพที่คุณคิดว่าได้ มันก็ไม่ใช่อิสรภาพจริงๆ มีแต่อิดโรยที่ต้องวิ่งหาเงินขาขวิดมาซื้ออิสรภาพกึ่งสำเร็จรูปที่มีคนเอามาหลอกขายให้
การใช้หรือบริโภคสิ่งต่างๆของคนปัจจุบันนี้มันเข้าขั้นเกินขนาด เกินความเป็นจริงไปนานแล้ว เพราะฤทธิ์ของการกระตุ้นความอยาก กระตุ้นสร้างอุปสงค์ลวงให้เกิดขึ้นในใจของผู้บริโภค สร้างเงื่อนไขเทียมขึ้นมาให้ผู้บริโภครู้สึกว่ามันจำเป็น แล้วก็ต้องควักเงินซื้อสินค้านั้นๆอยู่เรื่อยๆ โลกทุกวันนี้จึงมีแต่ฟองสบู่ของอุปสงค์ลวง ฟองสบู่ที่ไปโผล่ในตลาดหุ้นบ้าง ภาคการเงินบ้าง ซึ่งฟองสบู่เหล่านี้สามารถที่จะแตกได้ทุกวัน ขึ้นกับว่าผู้มีอำนาจในโลกนี้จะปล่อยให้มันแตกเมื่อไหร่ ซึ่งก็แน่นอนว่า เขาเหล่านั้นต้องไม่เจ็บตัวอย่างแน่นอน แต่ปล่อยให้ผู้คนจำนวนมากรับกรรมกันไปทุกครั้งที่เกิดวิกฤต นัยว่ามันใหญ่จนเกินกว่าจะล้มได้แล้วนั่นเอง
แล้วมันก็เป็นความจริงที่ว่า ยิ่งเราไปผูกมัดกับสัญญาทาสมากเท่าไหร่ นอกจากจะยิ่งดูดเงินเรามากขึ้นแล้ว ก็ยังจะส่งผลกระทบในแง่มุมต่างๆมากตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วย ที่เห็นได้ชัดเลยกับพวกโปรฯมือถือ คือ คนซื้อก็พยายามใช้ค่าโทรให้หมด พยายามใช้ค่าโทรไม่ให้เกินเงินที่เสียไป พอใช้เกินแล้วก็หงุดหงิด นี่ยังไม่นับไอ้เงื่อนไขแปลกๆที่ซ่อนไว้หลังดอกจันตรงข้อเสนอโปรโมชั่นอีกบาน แถมยังต้องมาเสียเวลาเล่นอะไรบ้าๆบอๆอีกมากมาย นี่แหละอิสรภาพที่คุณถามหา
อิสรภาพที่แท้จริงนั้นมันก็มาจากการที่เราผูกมัดกับเงื่อนไขต่างๆให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะกับผู้ผลิตสินค้าและบริการต่างๆ เพราะการที่ผู้ผลิตและให้บริการทั้งหลายพยายามเข้ามาตีซี้ เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของเรา มันก็เป็นไปเพื่อการขายของเท่านั้น ยาหอมทั้งหลายที่เขาพูดผ่านสื่อหรือของแถมทั้งหลายที่ล่อตาล่อใจมันก็มาจากเงินเราทั้งนั้น เพียงแต่เขาพูดเคลมว่า เขาทำให้เราเพื่อซื้อใจเท่านั้นเอง
การผูกมัดในรูปแบบของผู้ผลิตที่มีต่อผู้บริโภคนั้นนับวันยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะหน่วยธุรกิจเป็นหน่วยงานที่มุ่งกำไรสูงสุด(ไม่งั้นจะตั้งมาหาพระแสงหอกอะไร) แม้ปากจะบอกว่าเรามุ่งเน้นความสุขของลูกค้าเป็นหลัก แต่จริงๆแล้วก็เพื่อผลสุดท้ายอันเป็นกำไรสูงสุดทั้งนั้น ทุกวันนี้เราจึงได้พบเจอ สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามือถือรุกล้ำความเป็นส่วนตัวเพื่อเสนอขายสินค้าและบริการบ้าๆบอๆเต็มไปหมด ข้อความ sms หลอกล่อด้วยประโยคที่ทำให้เข้าใจผิดว่าจะได้ของฟรีบ้าง และหลายครั้งมันก็โทรมาแบบไม่เลือกเวลาด้วยซ้ำไป
เลิกหลงคารมพวกนี้กันได้แล้วครับ พวกเขาเหล่านั้นมุ่งแต่หาเงินอย่างเดียว อย่าไปคิดว่าเราจะได้ผลประโยชน์อะไรจริงๆจังๆ การจัดโปรโมชั่น ของสมนาคุณทั้งหลายก็เป็นเงินเราที่จ่ายไปทั้งนั้น เขาก็เอาตรงนั้นแหละมาให้เราแล้วก็บอกว่ารักเรา(ซึ่งคิดคำนวณมาหมดแล้วว่ากำไรบานแน่ๆ...จริงไหม)
สินค้าคุณภาพน่ะเขาไม่ต้องมาพูดกำกับในโฆษณาหรอกนะว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะมีแต่ของห่วยๆนั่นแหละที่พยายามประเคนโฆษณาเป่ากระหม่อมผู้บริโภคให้เชื่อในสิ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงอยู่ตลอดเวลา
ขอบคุณครับที่เขียนบทความดีๆ ออกมาเรื่อยๆ
ReplyDeleteกระแทกโสตคนบางกลุ่มได้ดีจังครับ
ผมขออนุญาติแชร์ + ติดตามนะครับ
ไม่ต้องขอหรอกครับ เรื่องแบบนี้กระจายไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีครับ หูตาจะได้สว่างกันเสียที
DeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDeleteผมชอบบทความของคุณ The Unfold มากๆครับ เขียนมาเยอะๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ReplyDelete