ผมเองเคยเป็นหนี้ผ่อนบ้านอยู่
8 ปีครึ่ง ผ่อนกันตั้งแต่จบใหม่ๆ รู้สึกเหมือนเป็นทาส
พอผ่อนหมดถึงได้รู้ว่ามันเป็นวงจรทาสจริงๆนี่หว่า
แต่ก็ไม่กล้าบอกกับใครเพราะหันไปทางไหน มันเป็นทาสกันหมด(ฮา)
ก็ทาสพวกเดียวกันหมด
มันคิดอย่างอื่นเป็นเสียที่ไหนเล่า ใครๆเขาก็เป็นทาสกัน
ว่าแล้วผมก็เก็บความในใจนี้เอาไว้มาโดยตลอดไม่แพร่งพรายให้ใครรู้แม้กระทั่งภรรยาตัวเอง(กลัวเขาหาว่าบ้า)
จนมาถึงวันนี้มั่นใจแล้วครับว่า
ระบบทุนนิยมนั้นจะขับเคลื่อนได้ก็ด้วยการพันธนาการคนให้เป็นทาสทุนนี่แหละ
เพราะถ้ายิ่งคนเป็นอิสระมากเท่าไหร่ มันก็จะควบคุมยากมากเท่านั้น
ล่ามเป็นทาสเอาไว้จะได้บีบมันได้
ทุกวันนี้เราก็เลยเห็นวงจรหนี้ทั้งในภาคของคนเมืองที่ต้องเป็นหนี้ผ่อนบ้าน
ผ่อนรถกันไปจนแก่จนเฒ่า
นี่ยังไม่นับผ่อนมือถือผ่อนแท็บเล็ตและอื่นๆอีกจิปาถะนะครับ
จนถึงขนาดที่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งออกปากพูดว่า
การเป็นหนี้นั้นแสดงให้เห็นว่าเรามีเครดิต...เหอๆเล่นงี้เลยนะ
ส่วนในภาคเกษตรก็ใช่ย่อย
เพราะนับตั้งแต่การปฏิวัติเขียวเมื่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกถูกนำมาใช้
เกษตรกรก็ถูกปั่นหัวให้เปลี่ยนค่านิยมจากทำเลี้ยงครอบครัวแบบพอเพียง
มาหาเงินให้รวยก่อนเป็นอันดับแรก
จนที่สุดเกษตรกรที่หันมาทำเกษตรเชิงเดี่ยว(ปลูกพืชชนิดเดียว เพื่ออุตสาหกรรมการผลิต)ก็ต้องล่มสลายไปกับหนี้จำนวนมหาศาล
บ้างก็ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้รัฐประกันราคาพืชผล
บ้างก็ออกมาจับคนไทยด้วยกันเป็นตัวประกันโดยการปิดถนน
แล้วเกษตรกรที่มีที่ดินเป็นของตนเองก็กลายมาเป็นเพียงผู้เช่าพื้นที่
กลายมาเป็นเพียงคนงานตัวเล็กๆที่ทำยังไงก็ไม่พอกินอยู่ในเมืองใหญ่
กลายมาเป็นเพียงผู้รับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆในผืนดินของตนเอง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เกิดจากสิ่งเดียวนั่นแหละครับ
คือ ตัณหาของเราเอง ไม่ต้องโทษใคร
ก็อยากไปเชื่อคำคนที่บอกว่ามีเงินแล้วมั่งคั่ง
มั่งมี ร่ำรวยแล้วสบายนั่นไง พอเขาพูดแบบนี้ปั๊บก็วิ่งหาเงินกันหางจุกตูดล่ะครับ
ไล่ล่าหาความมั่งมีอย่างว่ากันแบบเอาเป็นเอาตาย
วาดฝันว่าสักวันหนึ่งกูจะมีความสุขบรมสุขบ้างโว้ย
แต่ในที่สุดแล้วระหว่างทางที่จะไปถึงจุดหมายแห่งความสุขเนี่ยมันมีแต่ความทรมานไง
ความทรมานอันยาวนานจากการเป็นหนี้ ทำให้เราหลงลืมไปว่าความสุขแท้หน้าตาเป็นยังไง
ความสุขที่มันไม่ต้องใช้เงินได้กลายเป็นเรื่องเล่าชวนฝันของคนยุคใหม่ไปแล้ว
ทุกๆวันก็ได้แต่กังวลว่า จะมีเงินส่งบ้าน ส่งรถงวดหน้าไหม จะตกงานไหม ฯลฯอีกมากมาย
พอถึงจุดหมายจริงๆ ไอ้ความสุขที่ว่าดันหายหัวไปเสียนี่ กลับกลายเป็นความวังเวง
กลวงเปล่าไปทันที กูถูกมันหลอกนี่หว่า 555
ไม่ใช่แค่หนี้นะครับ
เรายังเป็นทาสกับอะไรหลายๆอย่าง
เพื่อความรู้สึกมั่นคง(เอาไปนั่งนึกกันเองว่าอะไรบ้าง)ทำให้เราไปแบกทุกข์ขึ้นมาอีกหลายๆก้อน
แบกให้อุ่นใจ แบกไปจนกว่าจะฉลาดว่า อ้าวนี่กูโง่แบกมาตั้งนาน
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กูก็สุขสบายดีอยู่แล้วนี่หว่า 555
ถูกแล้วครับ
ความเรียบง่ายที่พอเพียงแก่ตนเองนั้นดีอยู่แล้ว
เพียงแต่ระบบทุนนิยมได้นำเอาความซับซ้อนของกระบวนการผลิตมาแบ่งแยกขั้นตอนต่างๆ
แล้วแจกจ่ายงานให้คนจำนวนมากทำงานเดิมซ้ำๆจนชำนาญ แล้วทำให้ค่าการผลิตถูกลงเรื่อยๆ
ซึ่งแปลว่าคนงานและหน่วยย่อยสุดของสังคมจะถูกกดขี่มากขึ้น
เพราะไม่ได้เป็นคนคุมเกมทั้งหมด แถมทำแต่งานง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้เหมือนเครื่องจักร
ซึ่งอันนี้ก็เป็นปัจจัยที่เขาสามารถบีบเราได้ตลอดเวลา ส่วนคนที่รวยน่ะเหรอ
โน่นครับพ่อค้าคนกลางหรือนายทุนทั้งหลายที่คุมเกมนั่นแหละที่เป็นคนกินรวบ
ส่วนคนระดับรากหญ้านั้นก็โดนปั่นหัวด้วยโฆษณาชวนเชื่อถึงชีวิตที่ดีกว่า
สุขสบายกว่าเก่า โดยหารู้ไม่ว่าตนเองจะต้องมาทำงานเป็นทาสเขา
แล้วก็ได้แต่ฝันหวานไปวันๆ ที่สุดก็จะพบว่ามันมีแต่ภาพฝัน
หาความจริงกันไม่เจอแม้แต่นิดเดียว
ทุกวันนี้ชนชั้นทางสังคมกำลังถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วนครับ
คือชั้นบนกับชั้นล่าง อีกหน่อยคนชั้นกลางจะไม่มีครับ
ถ้าโดดขึ้นข้างบนไม่ได้ก็ต้องลงล่างแบบไม่เต็มใจ
แล้วเราจะทำยังไง?
ผมไม่สนับสนุนให้ไปต่อต้านทุนนิยมนะครับ
เราไปทำอะไรเขาไม่ได้หรอก มันใหญ่เกินกำลังของคนตัวเล็กๆ
ไม่ควรไปชวนทะเลาะโดยเด็ดขาด แต่ให้เริ่มที่เรานี่แหละ
เริ่มจากการหันมาศึกษาหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
ศึกษาเกษตรธรรมชาติที่จะเป็นทางออกของปัญหาและพันธนาการทั้งหลายอย่างยั่งยืน
หรือพูดง่ายๆก็เลิกเล่นเกมทุนนิยมเสีย
สร้างเกมของเราเอง เกมที่เราเป็นคนคุมเกม
ใครมีที่ดินก็กลับไปพลิกฟื้นผืนดินขึ้นมาใหม่ ให้มันพอมีพอกินพอเพียงก่อน
ยืนบนขาตัวเองให้ได้ก่อน แล้วมันจะไม่ตกเป็นทาสใครง่ายๆ แล้วก็อย่าโลภมาก
เลิกฟังไอ้พวกโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อต่างๆได้เลยมันโกหกทั้งนั้น
จะทำอะไรก็ให้ใช้วิจารณญาณของตัวเราเป็นหลัก
อะไรก็ตามที่ทำให้ชีวิตมันเริ่มยุ่งยากซับซ้อนแสดงว่าเรากำลังเดินผิดทางและอาจจะถูกหลอก
ให้กลับไปที่ความเรียบง่ายพอเพียงแก่ตนเองทันที
เน้นพึ่งตัวเองเป็นหลักและขยายวงการเกื้อกูลไปสู่เพื่อนบ้านใกล้เคียงให้มันเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง
บริโภคอาหารและซื้อสินค้าท้องถิ่นในท้องถิ่นที่ผลิตกันเอง ใช้กันเอง
จะได้ตัดวงจรอุบาทว์ของพ่อค้าคนกลางออกไปให้มากที่สุด
ส่วนคนเมืองก็เลิกละลดความอยากลงบ้าง
อย่าไหลตามโฆษณาหวือหวาทั้งหลาย เพราะมันมีแต่จะหลอกเอาเงินจากเราทั้งนั้น
จะกินจะใช้ก็แต่พอดี จะให้ดีก็ฝึกการพึ่งตนเองทางด้านอาหารเอาไว้บ้าง
เช่นการปลูกผักกินเองเป็นต้น ไม่ใช่เอะอะอะไรก็สำเร็จรูปไปเสียหมด
เรื่องแบบนี้
ถ้าผมพูดเมื่อหลายปีก่อนก็คงจะโดนหัวเราะเยาะแน่ๆ
แต่มาถึงวันนี้ระบบทุนนิยมกำลังบีบต้อนคนชั้นล่างและชนชั้นกลางให้จนมุมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แถมตัวมันเองก็เริ่มที่จะถึงทางตันแล้ว
เรื่องที่ผมเตือนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันกันอีกต่อไป แต่เห็นกันจะๆทุกเมื่อเชื่อวัน
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหาทางออกให้ตัวเอง
ส่วนใครที่อับจนมืดมนหนทางก็ตามอ่านบทความในตอนต่อๆไปครับ
ทางออกนั้นมีอยู่
แต่ใครจะอาจหาญหักดิบสิ่งที่ตนเองเสพติดอยู่ได้ก็อยู่ที่ตัวคุณเองแล้ว
No comments:
Post a Comment