Tuesday, April 17, 2012

วงจรทาสในระบบทุน

อ่านหัวข้อแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องหนัก แต่จริงๆถึงไม่พูด มันก็หนักกันอยู่แล้ว เพียงแต่ผมจะชี้ให้เห็นเท่านั้นเองว่าคุณกำลังแบกอะไรอยู่ จะได้ปลดเปลื้องมันลงเสียที

ผมเองเคยเป็นหนี้ผ่อนบ้านอยู่ 8 ปีครึ่ง ผ่อนกันตั้งแต่จบใหม่ๆ รู้สึกเหมือนเป็นทาส พอผ่อนหมดถึงได้รู้ว่ามันเป็นวงจรทาสจริงๆนี่หว่า แต่ก็ไม่กล้าบอกกับใครเพราะหันไปทางไหน มันเป็นทาสกันหมด(ฮา)

ก็ทาสพวกเดียวกันหมด มันคิดอย่างอื่นเป็นเสียที่ไหนเล่า ใครๆเขาก็เป็นทาสกัน ว่าแล้วผมก็เก็บความในใจนี้เอาไว้มาโดยตลอดไม่แพร่งพรายให้ใครรู้แม้กระทั่งภรรยาตัวเอง(กลัวเขาหาว่าบ้า)

จนมาถึงวันนี้มั่นใจแล้วครับว่า ระบบทุนนิยมนั้นจะขับเคลื่อนได้ก็ด้วยการพันธนาการคนให้เป็นทาสทุนนี่แหละ เพราะถ้ายิ่งคนเป็นอิสระมากเท่าไหร่ มันก็จะควบคุมยากมากเท่านั้น ล่ามเป็นทาสเอาไว้จะได้บีบมันได้

ทุกวันนี้เราก็เลยเห็นวงจรหนี้ทั้งในภาคของคนเมืองที่ต้องเป็นหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถกันไปจนแก่จนเฒ่า นี่ยังไม่นับผ่อนมือถือผ่อนแท็บเล็ตและอื่นๆอีกจิปาถะนะครับ

จนถึงขนาดที่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งออกปากพูดว่า การเป็นหนี้นั้นแสดงให้เห็นว่าเรามีเครดิต...เหอๆเล่นงี้เลยนะ

ส่วนในภาคเกษตรก็ใช่ย่อย เพราะนับตั้งแต่การปฏิวัติเขียวเมื่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกถูกนำมาใช้ เกษตรกรก็ถูกปั่นหัวให้เปลี่ยนค่านิยมจากทำเลี้ยงครอบครัวแบบพอเพียง มาหาเงินให้รวยก่อนเป็นอันดับแรก จนที่สุดเกษตรกรที่หันมาทำเกษตรเชิงเดี่ยว(ปลูกพืชชนิดเดียว เพื่ออุตสาหกรรมการผลิต)ก็ต้องล่มสลายไปกับหนี้จำนวนมหาศาล บ้างก็ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้รัฐประกันราคาพืชผล บ้างก็ออกมาจับคนไทยด้วยกันเป็นตัวประกันโดยการปิดถนน แล้วเกษตรกรที่มีที่ดินเป็นของตนเองก็กลายมาเป็นเพียงผู้เช่าพื้นที่ กลายมาเป็นเพียงคนงานตัวเล็กๆที่ทำยังไงก็ไม่พอกินอยู่ในเมืองใหญ่ กลายมาเป็นเพียงผู้รับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆในผืนดินของตนเอง

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เกิดจากสิ่งเดียวนั่นแหละครับ คือ ตัณหาของเราเอง ไม่ต้องโทษใคร

ก็อยากไปเชื่อคำคนที่บอกว่ามีเงินแล้วมั่งคั่ง มั่งมี ร่ำรวยแล้วสบายนั่นไง พอเขาพูดแบบนี้ปั๊บก็วิ่งหาเงินกันหางจุกตูดล่ะครับ ไล่ล่าหาความมั่งมีอย่างว่ากันแบบเอาเป็นเอาตาย วาดฝันว่าสักวันหนึ่งกูจะมีความสุขบรมสุขบ้างโว้ย

แต่ในที่สุดแล้วระหว่างทางที่จะไปถึงจุดหมายแห่งความสุขเนี่ยมันมีแต่ความทรมานไง ความทรมานอันยาวนานจากการเป็นหนี้ ทำให้เราหลงลืมไปว่าความสุขแท้หน้าตาเป็นยังไง ความสุขที่มันไม่ต้องใช้เงินได้กลายเป็นเรื่องเล่าชวนฝันของคนยุคใหม่ไปแล้ว ทุกๆวันก็ได้แต่กังวลว่า จะมีเงินส่งบ้าน ส่งรถงวดหน้าไหม จะตกงานไหม ฯลฯอีกมากมาย พอถึงจุดหมายจริงๆ ไอ้ความสุขที่ว่าดันหายหัวไปเสียนี่ กลับกลายเป็นความวังเวง กลวงเปล่าไปทันที กูถูกมันหลอกนี่หว่า 555

ไม่ใช่แค่หนี้นะครับ เรายังเป็นทาสกับอะไรหลายๆอย่าง เพื่อความรู้สึกมั่นคง(เอาไปนั่งนึกกันเองว่าอะไรบ้าง)ทำให้เราไปแบกทุกข์ขึ้นมาอีกหลายๆก้อน แบกให้อุ่นใจ แบกไปจนกว่าจะฉลาดว่า อ้าวนี่กูโง่แบกมาตั้งนาน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กูก็สุขสบายดีอยู่แล้วนี่หว่า 555

ถูกแล้วครับ ความเรียบง่ายที่พอเพียงแก่ตนเองนั้นดีอยู่แล้ว เพียงแต่ระบบทุนนิยมได้นำเอาความซับซ้อนของกระบวนการผลิตมาแบ่งแยกขั้นตอนต่างๆ แล้วแจกจ่ายงานให้คนจำนวนมากทำงานเดิมซ้ำๆจนชำนาญ แล้วทำให้ค่าการผลิตถูกลงเรื่อยๆ ซึ่งแปลว่าคนงานและหน่วยย่อยสุดของสังคมจะถูกกดขี่มากขึ้น เพราะไม่ได้เป็นคนคุมเกมทั้งหมด แถมทำแต่งานง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้เหมือนเครื่องจักร ซึ่งอันนี้ก็เป็นปัจจัยที่เขาสามารถบีบเราได้ตลอดเวลา ส่วนคนที่รวยน่ะเหรอ โน่นครับพ่อค้าคนกลางหรือนายทุนทั้งหลายที่คุมเกมนั่นแหละที่เป็นคนกินรวบ

ส่วนคนระดับรากหญ้านั้นก็โดนปั่นหัวด้วยโฆษณาชวนเชื่อถึงชีวิตที่ดีกว่า สุขสบายกว่าเก่า โดยหารู้ไม่ว่าตนเองจะต้องมาทำงานเป็นทาสเขา แล้วก็ได้แต่ฝันหวานไปวันๆ ที่สุดก็จะพบว่ามันมีแต่ภาพฝัน หาความจริงกันไม่เจอแม้แต่นิดเดียว

ทุกวันนี้ชนชั้นทางสังคมกำลังถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วนครับ คือชั้นบนกับชั้นล่าง อีกหน่อยคนชั้นกลางจะไม่มีครับ ถ้าโดดขึ้นข้างบนไม่ได้ก็ต้องลงล่างแบบไม่เต็มใจ

แล้วเราจะทำยังไง?

ผมไม่สนับสนุนให้ไปต่อต้านทุนนิยมนะครับ เราไปทำอะไรเขาไม่ได้หรอก มันใหญ่เกินกำลังของคนตัวเล็กๆ ไม่ควรไปชวนทะเลาะโดยเด็ดขาด แต่ให้เริ่มที่เรานี่แหละ เริ่มจากการหันมาศึกษาหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ศึกษาเกษตรธรรมชาติที่จะเป็นทางออกของปัญหาและพันธนาการทั้งหลายอย่างยั่งยืน

หรือพูดง่ายๆก็เลิกเล่นเกมทุนนิยมเสีย สร้างเกมของเราเอง เกมที่เราเป็นคนคุมเกม ใครมีที่ดินก็กลับไปพลิกฟื้นผืนดินขึ้นมาใหม่ ให้มันพอมีพอกินพอเพียงก่อน ยืนบนขาตัวเองให้ได้ก่อน แล้วมันจะไม่ตกเป็นทาสใครง่ายๆ แล้วก็อย่าโลภมาก เลิกฟังไอ้พวกโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อต่างๆได้เลยมันโกหกทั้งนั้น จะทำอะไรก็ให้ใช้วิจารณญาณของตัวเราเป็นหลัก อะไรก็ตามที่ทำให้ชีวิตมันเริ่มยุ่งยากซับซ้อนแสดงว่าเรากำลังเดินผิดทางและอาจจะถูกหลอก ให้กลับไปที่ความเรียบง่ายพอเพียงแก่ตนเองทันที เน้นพึ่งตัวเองเป็นหลักและขยายวงการเกื้อกูลไปสู่เพื่อนบ้านใกล้เคียงให้มันเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง บริโภคอาหารและซื้อสินค้าท้องถิ่นในท้องถิ่นที่ผลิตกันเอง ใช้กันเอง จะได้ตัดวงจรอุบาทว์ของพ่อค้าคนกลางออกไปให้มากที่สุด

ส่วนคนเมืองก็เลิกละลดความอยากลงบ้าง อย่าไหลตามโฆษณาหวือหวาทั้งหลาย เพราะมันมีแต่จะหลอกเอาเงินจากเราทั้งนั้น จะกินจะใช้ก็แต่พอดี จะให้ดีก็ฝึกการพึ่งตนเองทางด้านอาหารเอาไว้บ้าง เช่นการปลูกผักกินเองเป็นต้น ไม่ใช่เอะอะอะไรก็สำเร็จรูปไปเสียหมด

เรื่องแบบนี้ ถ้าผมพูดเมื่อหลายปีก่อนก็คงจะโดนหัวเราะเยาะแน่ๆ แต่มาถึงวันนี้ระบบทุนนิยมกำลังบีบต้อนคนชั้นล่างและชนชั้นกลางให้จนมุมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมตัวมันเองก็เริ่มที่จะถึงทางตันแล้ว เรื่องที่ผมเตือนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันกันอีกต่อไป แต่เห็นกันจะๆทุกเมื่อเชื่อวัน

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหาทางออกให้ตัวเอง ส่วนใครที่อับจนมืดมนหนทางก็ตามอ่านบทความในตอนต่อๆไปครับ

ทางออกนั้นมีอยู่ แต่ใครจะอาจหาญหักดิบสิ่งที่ตนเองเสพติดอยู่ได้ก็อยู่ที่ตัวคุณเองแล้ว

No comments:

Post a Comment