มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนข้อบังคับพื้นฐานซึ่งแอบซ่อนในสิ่งต่างๆที่สัมผัสสัมพันธ์กับชีวิตคนในระบบทุนนิยม โดยที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นต้นตอของความทุกข์และความกังวลใจให้เราไม่เป็นสุขอยู่ทุกๆวัน
สิ่งๆนั้นก็คือเงื่อนไขครับ
เราทุกคนล้วนแต่กลายเป็นทาสของเงื่อนไขต่างๆในชีวิตที่ผูกมัดเราอย่างหนาแน่นจนสิ้นอิสรภาพในที่สุด คือดูเหมือนมีอิสรภาพมากในวิถีแห่งประชาธิปไตย
แต่จริงๆแล้วถูกจองจำทางอ้อมด้วยเงื่อนไขต่างๆนี่เอง
ใครว่ายุคนี้เป็นยุคเสรีภาพเบ่งบานก็ลองพิจารณากันใหม่นะครับว่าเสรีจริง หรือเราเสรีในกรอบความเป็นทาสของอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น...อะไรบางอย่างที่อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยรู้ว่ามันคือสาเหตุของความทุกข์
ทุกวันนี้เราทำงานกัน
5-6 วันต่อสัปดาห์
หรือบางคนอาจจะทำงานทุกวันด้วยซ้ำ
เราทำงานจนไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะไปพบเจอสิ่งใหม่ๆ หรือแม้แต่จะได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ
เราก็กลับไปมีเงื่อนไขกับมันอีก ชีวิตของเราจึงมีแต่ deadline
เงื่อนไข ข้อต่อรอง ฯลฯ
จนนึกไม่ออกว่าชีวิตที่ไร้เงื่อนไขจะเป็นยังไง แม้เมื่อวันที่เราเกษียณ
เราก็ยังมีเงื่อนไขกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
คิดดูว่าที่เราทำงานอย่างหนักก็ยังมีเงื่อนไขเลยว่า
เราจะเกษียณแบบมีความสุข แต่จริงๆแล้วน้อยคนครับที่ทำได้สำเร็จ
เพราะเมื่อถึงจุดหมายเราก็หมดแรงที่จะมีความสุขไปแล้ว
เราทำสิ่งต่างๆมากมายในแต่ละวัน
และสิ่งต่างๆที่เราทำเหล่านั้นก็กลับเป็นการเชื้อเชิญเงื่อนไขต่างๆเข้ามาในชีวิตมากขึ้นไปอีก
จนกระทั่งชีวิตเราตกอยู่ในความยุ่งยากอันเกิดจากเงื่อนไขต่างๆที่เราเผลอมองข้ามหรือมองไม่เห็น
แล้วก็มีคนหัวใสทำธุรกิจคิดค้นสินค้าหรือบริการต่างๆเพื่อจะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้น
แล้วมันง่ายขึ้น
สะดวกสบายขึ้นแบบที่โฆษณากันเอาไว้จริงๆหรือ?
คำตอบคือไม่จริงหรอกครับ
เพราะสิ่งที่มาช่วยให้เราสะดวกสบายจากเงื่อนไขต่างๆที่เราสร้างขึ้นหรือรับเข้ามาในชีวิตตัวเอง
ก็จะกลายเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ผูกมัดเรามากยิ่งขึ้น
พูดง่ายๆก็คือยิ่งแสวงหาความสะดวกสบายจากสินค้าและบริการต่างๆมากยิ่งขึ้น
ชีวิตเราก็จะยิ่งขาดอิสรภาพและยุ่งยากมากยิ่งขึ้น เป็นทาสมากยิ่งขึ้น
และในที่สุดก็จะทุกข์มากยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว
สังเกตไหมครับว่าทำไมทุกวันนี้มีแต่คนคิดสินค้าและบริการที่จะทำให้ชีวิตเรามันง่ายขึ้นอยู่ดาษดื่นไปหมด
เพราะอะไรครับ ก็เพราะชีวิตเรามันยุ่งยากเกินไปแล้วนั่นเอง
นี่คือเหตุผลที่คนในระบบทุนนิยมจะไม่ได้พบเจอความสงบสุขที่แท้จริงเลย
ต่อให้รวยล้นฟ้าก็ไม่สามารถหนีพ้นไปจากเงื่อนไขเหล่านี้ได้เลย
เพราะโดยระบบทุนนิยมเองก็คือการผูกมัดทุนทุกรูปแบบเข้าด้วยกัน
ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเงื่อนไขเหล่านี้ก็คือ
ลดสิ่งที่มันพะรุงพะรังลงเสียให้หมด ไม่เชื่อก็กลับไปดูชีวิตของคุณสิครับ
มัวแต่ทำงานหาเงิน ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
ได้แต่ซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆที่มีคนบอกว่าเราว่าดี เพื่อที่จะให้ชีวิตรีบๆด่วนๆ
เน่าๆของคุณมันสะดวกสบายมากขึ้น
เพื่อให้คนอื่นท่เราไม่รู้จักและอยากจะได้เงินเราเข้ามาดูแลชีวิตแทนเรา ลองไปไล่ดูสิครับว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มันรกรุงรังกับชีวิตคุณแค่ไหน
อย่างบัตรเครดิตที่ให้ทำฟรีน่ะ
มันมีแต่เงื่อนไขที่จะกระตุ้นให้คุณใช้บัตรทั้งนั้น แล้วชีวิตหนี้จะไปไหนเสีย ไม่มีใครอยากจะดูแลคุณหรอกครับ ถ้าคุณไม่มีเงิน
เขาจะมาหลอกเอาเงินจากคุณทั้งนั้น แล้วคุณก็ต้องหาเงินเพิ่มเยอะๆ
เพื่อให้คนอื่นมาดูแลชีวิตคุณแทนตัวคุณเองอีก
เป็นวงจรไม่รู้จบเหมือนหมาไล่งับหางตัวเองไง ตลกไหมเล่า
นี่แหละครับคือสาเหตุที่ทำให้ชีวิตคุณมีแต่ความทุกข์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ลึกๆในใจ
แล้วก็ไอ้พฤติกรรมที่ชอบตั้งเงื่อนไขกดดันตัวเองน่ะ
เลิกได้แล้วครับ คนเรากินข้าวแค่ 3
มื้อจะทำให้ชีวิตมันยุ่งยากทำไม จะเก่งจะรวยจะพิเศษสุดแค่ไหน กิน 3 มื้อเท่ากัน
มันไม่มีอะไรพิเศษกว่าอะไรหรอกครับ อุปาทานหมู่กันไปเองทั้งนั้น
เหมือนอุปโลกน์เส้นชัยขึ้นมา พอคนหนึ่งวิ่ง คนที่เหลือก็วิ่งตาม
แต่ไม่รู้ว่าวิ่งไปทำไม วิ่งไปแล้วจะเจอความสุขไหมกับเส้นชัยที่ใครไม่รู้ตั้งขึ้น
ขนาดวิ่งไปแล้วเจอแต่ความทุกข์มันยังไม่ยอมหยุดกันเลย หรือบางที
ลึกๆแล้วมันอาจจะไม่อยากหยุดกันก็ได้นะ ชอบความทรมาน(ฮา)
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะอ้าปากค้าง
เกิดคำถามว่า...แล้วเราจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ไม่มีรถ
ไม่มีเงิน?
ถ้าคุณถามมาแบบนี้ผมก็งงเหมือนกันครับ
เพราะคนสมัยก่อนเขาก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้ยังอยู่กันได้ แล้วทำไมเราจะอยู่ไม่ได้
ขนาดพ่อแม่เรายังอยู่กันมาได้จนวันนี้เลย
หรือไม่เชื่อลองนึกย้อนไปในวันที่เราเป็นเด็กสิครับ
สนุกและมีความสุขจะตาย ไม่ต้องดิ้นรนอะไร ไม่ต้องผูกมัดกับเงื่อนไขใด
ไม่ต้องเคร่งเครียดกับอะไรเลยสักอย่างเดียว ทำไปพอโตขึ้นชีวิตถึงได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
แบบนี้ผิดหรือถูกกันแน่เล่า?
ใจเย็นๆแล้วกลับไปนั่งดูชีวิตของคุณให้ดีๆนะครับว่า
มันพาคุณมาถึงจุดที่มีแต่ความทุกข์ได้ยังไง
แล้วคุณจะพบว่าคุณเองนั่นแหละที่ผูกปมเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายขึ้นมาเองจนอีนุงตุงนังไปหมด
จะแก้ก็ง่ายนิดเดียวครับ
อะไรที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ก็โละมันทิ้งเลย อย่าเสียดาย
กล้าๆตัดมันทิ้งไปแล้วก็จะรู้สึกว่ามันเบาลงจริงๆ
ตัดทิ้งไปแล้วก็อย่าไปหลงกลพวกพนักงานขายหรือโฆษณาอีกล่ะ
เพราะพวกนี้มักจะพูดให้เรากังวลในอนาคตแล้วก็ล้วงเอาเงินจากกระเป๋าเราออกไปแบบไม่รู้ตัว
พอรู้อีกทีก็กลายเป็นทาสของเงื่อนไขที่เราเซ็นรับไปเองแล้วครับ
No comments:
Post a Comment