Tuesday, May 29, 2012

ทาสจำเป็น 3: ทาสทุกระดับชั้น


เชื่อว่าคนเป็นลูกจ้างทุกคนต้องมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเราจะได้เป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง จะได้เป็นอิสระเสียที

ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นครับ เพราะตอนที่ทำงานประจำเป็นลูกจ้างนั้น รู้สึกเหมือนกับอยู่ในนรก เป็นทาสที่ใครๆก็จิกหัวใช้ชนิดไม่เกรงใจกันเลย ก็เลยฝันว่าอยากจะทำธุรกิจเอง ธุรกิจที่ตัวเองรักที่จะทำมันจริงๆ

คุ้นๆไหมครับ ความฝันแบบนี้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าของกิจการนี่ยิ่งกว่าทาสอีกนะครับ อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงจะตกใจ แต่มันคือความจริงที่คนเป็นเจ้าของกิจการรู้ดี แต่ก็ไม่รู้จะหนีมันออกยังไง คือแทนที่จะเป็นอิสระจากแรงกดดันทั้งหลาย เมื่อถึงจุดที่ปรารถนา คิดว่าสามารถกำหนดชีวิตตนเองได้ แต่กลับกลายเป็นว่า สุดท้ายก็ต้องไปเป็นทาสของลูกค้ากับระบบอีก ไม่มีใครเป็นอิสระจริงแม้แต่คนเดียว

คนที่ทำงานกินเงินเดือนเป็นลูกจ้างนั้น ก็จะเป็นทาสอีกแบบหนึ่ง แบ่งเป็นทาสหลายระดับที่ถูกเงื่อนไขพันธนาการเอาไว้ตามระดับของตน จำกัดขอบเขตตามเงินเดือน เงินจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่ารับเรื่องงี่เง่าชวนปวดหัวได้มากน้อยแค่ไหน พูดง่ายๆคือเขาจ้างมาให้เครียด บางคนเงินเดือนนิดเดียวแต่เหมือนกับซื้อทั้งชีวิต เป็นแรงงานราคาถูกที่จิกหัวใช้ได้ตลอดเวลา พนักงานระดับล่างก็เครียดน้อยหน่อย เงินก็น้อยตาม หากใครกระเสือกกระสนหาความก้าวหน้า(หรือเรียกว่าหาความเครียดใส่ตัว) ก็จะตะเกียกตะกายขึ้นสู่ที่สูง โดยหารู้ไม่ว่า เงินเยอะ ต้นทุนก็เยอะ ความเครียดก็เยอะ บีบคั้นทั้งจากข้างบนและข้างล่าง(โดยเฉพาะผู้จัดการระดับกลางที่แบนเหมือนไส้แซนวิชดีๆนี่เอง)

บางคนโชคดี ฝีมือดี จังหวะอำนวยก็อาจจะได้ขึ้นไปยืนบนยอดปิรามิดซึ่งมีพื้นที่ให้ยืนนิดเดียว แต่เป็นพื้นที่ๆต้องรับความเครียดมหาศาล เพราะเงินเดือนยิ่งเยอะความคาดหวังก็เยอะตาม พลาดเพียงนิดเดียวถ้าไม่ตกลงมาเองเดี๋ยวก็มีคนจ้องเสียบอยู่ตลอดนั่นแหละ มีความสุขไหมเล่า

ส่วนคนที่เป็นเจ้าของกิจการนั้น หากไม่ใช่ชื่อใหญ่บิ๊กเบิ้ม ก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนครับ ตอนทำงานประจำยังดีมีคนแบ่งความรับผิดชอบบ้าง แต่พอเป็นเจ้าของนี่รับความเครียด ความรับผิดชอบเต็มๆ ทั้งจากลูกค้า จากผลประกอบการ จากยอดขาย จากลูกน้อง ฯลฯ เจ้าของกิจการบางคนเวลาหางานนี่ต้องทำตัวยิ่งกว่าโสเภณีอีกนะ คือต้องคอยสนองตัณหาลูกค้าไปเรื่อย บางคนทำงานแทบจะตลอด 7 วัน วาดฝันว่าวันหนึ่งจะสุขสบายมีเงินมีทองใช้ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งจริงๆก็มีครับ แต่ไม่มีความสุขนะ ได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆว่ามีความสุข ทั้งๆที่จริงแล้วอยากจะนอนตีพุงมากกว่า ก็เลยวางแผนทำงานหนักว่าจะไปนอนตีพุงตอนแก่แทน

แต่ถามจริงๆเถอะว่ามีสักกี่คนที่จะไปถึงตรงนั้น เพราะทุกคนมุ่งแต่จะกอบโกยผลประโยชน์เอามากกว่าที่ตนเองสามารถจะใช้ได้หมด ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ประโยคที่ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะสังคมทุกวันนี้มีแต่การเบียดเบียนเพราะการกอบโกยทรัพยากรที่มีจำกัดซึ่งเกิดขึ้นแบบเข้มข้น ทุกเม็ด ชนิดที่ว่าเผลอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...และนี่เป็นสังคมของสัตว์เดรัจฉานครับ เราอยู่กันแบบห่วงโซ่อาหารจริงๆ และในระบบก็มีแต่สถานะผู้ล่าและผู้ถูกล่าเท่านั้นครับ มนุษย์ตัวเป็นๆอยู่ไม่ได้หรอก

เมื่อเจ้าของกิจการได้ขึ้นไปสู่ขั้นสูงสุดของธุรกิจ มีอำนาจเหนือตลาดได้แล้ว ขึ้นสู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารแล้ว จากนี้ก็ไม่ต้องง้อใครแล้วครับ ก็สั่งลูกน้องให้ทำตลาด ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อดูดเอาเงินจากผู้บริโภค เหมือนเรือประมงออกหาปลานั่นแหละครับ ทั้งๆที่สินค้าหรือบริการบางอย่างก็ไม่ได้จำเป็นเลย เพียงแต่อาศัยกลในการสร้างเงื่อนไขต่างๆขึ้นมาให้ดึงดูดใจ เพื่อตอบสนองความต้องการเทียมๆอันเกิดจากการสร้างภาพหลอกให้เกิดความต้องการ แล้วล่อให้ผู้บริโภคเข้าไปติดกับ จ่ายเงินให้กับสินต้าและบริการของตน ซึ่งบางอย่างเป็นสัญญาระยะยาวไม่ต่างอะไรกับการเซ็นสัญญาทาส สินค้าบริโภคบางอย่างเช่นขนมขบเคี้ยวนี่มีแต่สารเคมีทั้งนั้น

วงจรทาสไม่เพียงมีแค่นี้นะครับ ยังมีอีกหลายวงจรที่ซ้อนทับกันมากมายแทบไม่น่าเชื่อ เพียงแต่เราไม่สามารถมองเห็นเพราะคำโฆษณาประชาสัมพันธ์และวิถีวิธีการที่ซับซ้อนเบื้องหน้ามันปิดบังความจริงอยู่ แต่แนะนำให้สังเกตง่ายๆคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าไม่วาจะทำอะไร จะซื้ออะไรที่คุณคิดว่าคุณชอบและพึงพอใจ แต่ลึกๆแล้ว มันไม่เคยเติมเต็ม เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน เผลอแป๊บเดียวของที่ไม่จำเป็นเต็มบ้าน บริการที่ไม่จำเป็นทำให้เป็นภาระในระยะยาว นั่นแสดงคุณเริ่มโดนดูดเข้าไปสู่วงจรทาสแล้ว

ระบบทาสนี้ใหญ่โตมาก ขนาดทีว่าเราเกิดมากับมัน โตมากับมัน อาศัยมันดำรงชีวิต จนเรานึกไม่ออกแล้วว่าขาดมันแล้วจะอยู่ยังไง ซึ่งความกลัวนี้แหละที่กลับมากักขังเราเสียเองในที่สุด

จริงๆแล้วระบบพึ่งตนเองนั้นมีอยู่มากมาย มีคนจำนวนไม่มากที่ได้ออกจากระบบทุนไปใช้ชีวิตอย่างไม่แคร์โลก ที่สำคัญคือยู่ได้จริงๆ เพียงแต่ถ้าเทียบกับภาพลักษณ์อันสวยงาม(แบบมีต้นทุน)แล้ว หลายคนเลือกที่จะเป็นทาสไปตลอดชีวิตดีกว่า

เรื่องแบบนี้ไม่ต้องอาศัยความกล้าในการออกจากระบบก็ได้ครับ ขอให้เข้าใจกลไกอันดำมืดของระบบทุนให้ถ่องแท้ รับรองว่าจะรีบหาทางออกแบบไม่ลังเลอีกเลย

ก็ลองเริ่มจากเรื่องง่ายๆครับ ลดการพึ่งพาระบบหรือคนอื่นให้มากขึ้นๆเรื่อยๆ สิ่งไหนที่ทำให้เราไปวนเป็นวงจรวกวนซับซ้อนก็ออกจากมันเสีย เมื่อเรารู้สึกว่าภาระไม่จำเป็นเหล่านี้ถูกปลดลงจนเบาสบาย ก็จะรู้ได้เองว่าเราแบกแต่สิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งนั้น ทางออกนั้นมีอยู่เสมอ เพียงแต่คุณอย่าไปติดใจสินบนเล็กๆน้อยๆที่มาในรูปแบบความสะดวกสบายซึ่งช่วยผ่อนคลายภาระงานอันหนึกอึ้งโดยไม่จำเป็น ตรรกะแบบลำบากก่อนแล้วค่อยสบายนั้นมันใช้จริงไม่ได้หรอกครับ แล้วไม่ต้องมองหาความสุขที่ไหนอีก แค่คุณปลดเปลื้องภาระอันไม่จำเป็นลงบ้าง ความสุขก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

ก็เงื่อนไขความจำเป็นทั้งหลายนั่นน่ะ มันมาจากโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของผู้ผลิตสินค้าและบริการทั้งนั้น แล้วคุณคิดเหรอว่ามันจะจำเป็นกับคุณจริงๆ 555 ตื่นกันได้แล้วครับ

4 comments:

  1. เข้า google หาคำว่า ยิว,โปรโตคอล, ไซออนนิส, Illuminati นะครับ

    อาจจะงง งง หน่อยช่วงแรก แต่มันคือแผนการเอาทุนนิยมมาครอบงำคน
    เพื่อให้คนตกเป้นทาสในระบบ
    ซึ่งก็คือหนึ่งในแผนการยึดครองโลกของคนกลุ่มนี้ครับ

    แล้วตอนนี้เรื่องราวมันกำลังดำเนินไปจนถึงจุดที่เขาเรียกว่า END GAME
    สงครามโลกครั้งที่ 3 คือยึดครองโลกได้อย่างเบ็ดเสร็จ
    อาจจะฟังดูเว่อร์ แต่เท่าที่ดูคุณเขียนบล๊อกมาทั้งหมดนี่
    ผมมั่นใจว่า ข้อมูลที่ผมบอก จะทำให้ได้รู้อะไรลึกๆ เบื้องหลังทุนนิยมนะครับ

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
    ลองซักหน่อยนึงนะครับ vdo พูดเร็วมาก แต่ตั้งใจดูนะครับ
    อิลลูมินาติ กับ ทุนนิยม Illuminati and capitalism
    http://youtu.be/O9EHYCbXJr8
    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

    ยาว แต่อาจจะทำให้เห็นอะไรดีๆ
    พวกเขาต้องการ Globalization คือ ทำโลกให้เหมือนกัน กินเหมือนกัน
    นอนเหมือนกัน แต่งตัวเหมือนกัน คิดเหมือนกัน รักเหมือนกัน
    เกลียดเหมือนกัน พูดเหมือนกัน ทำท่าทางเหมือนกัน
    ดูหนังเหมือนกัน ฟังเพลงเดียวกัน ขับรถตร์เหมือนกัน
    เรียนหนังสือหลักสูตรเดียวกัน ทำธุรกิจเหมือนกัน เล่นหุ้นเหมือนกัน
    ไลฟ์สไตล์เหมือนกัน
    เราไม่รู้สึกหรือว่า ที่สำคัญ..พวกเขากำลังทำให้โลก ไร้ศาสนา..เหมือนกัน
    โดยเปลี่ยนศาสนาให้เป็น ทุนนิยม เงินตรา และดอกเบี้ย

    http://www.oknation.net/blog/TalkingBook/2009/03/14/entry-1

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

    ทุน ถ้าเอามากองรวมกัน ใช้ทำอะไรก็ได้โดยอิสสระ
    เราจะใช้มันทำให้เกิดการผูกขาดทางการค้าและอุตสาหกรรม
    นี่คือสิ่งที่พร้อมที่จะทำได้ทันจากมือที่มองไม่เห็นจากทุกหนทุกแห่งในโลก..”

    ลองคิดตามเล่นๆนะครับ การรวมกันของทุน ก็คือกองทุน การขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจด้วยกองทุน กลายเป็นอาวุธและเป็นเครื่องมิในการผูกขาดเศรษฐกิจโลก
    พวกยิวคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1
    เดี๋ยวนี้เราเห็นกองทุนซื้อล่วงหน้าน้ำมัน จนทำให้กลไก Demand-Supply ไม่เป็นปกติ
    สหรัฐโกรธอิหร่านที ราคาน้ำมันก็พุ่งขึ้นที
    เช่นนี้แหละที่เรียกว่า การผูกขาดการตั้งราคาขายล่วงหน้า
    เราเห็นกองทุนเก็งกำไร ต่างๆอย่างเช่น การตั้งกองทุนโจมตีค่าเงิน
    การตั้งกองทุน CDO. หรือ Collateralized Debt Obligation หรือ CLO. -
    Collateralized Loan Obligation ที่กำลังก่อปัญหาไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
    เชื่อแล้วว่ากองทุนของยิว สร้างพลังอำนาจแห่งการผูกขาดเศรษฐกิจโลกได้จริงๆ

    http://www.oknation.net/blog/TalkingBook/2009/03/18/entry-1

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ สำหร้บบล็อกเขียนขึ้นโดยมีพื้นฐานของพระสัจธรรมแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลัก ดังนั้นเราจึงเห็นเรื่องตัณหาอยู่ในแทบทุกบทความเพราะ ตัณหานั้นเป็นหัวใจหลักของทุนนิยม ซึ่งขัดแย้งกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง และพุทธธรรมแท้ๆของพระพุทธศาสนาที่ให้ดับตัณหาเสีย แล้วเรื่องยุ่งๆก็จะจบของมันเอง

      แม้ว่าเราจะล่วงรู้กลเกมของใครก็แล้วแต่ที่กำลังทำลายหรือยึดครองโลก มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า เราก็ยังทุกข์อยู่เสมอ ดังนั้น ถ้าสู้แล้วมันพ้นทุกข์ได้จริงมันก็น่าสนใจ แต่ถ้าสู้แล้วเราต้องกลับมาทุกข์เหมือนเดิม ผมว่าเราเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเองดีกว่าครับ

      บล็อกนี้เน้นไปที่ให้แสงสว่างแห่งปัญญาฉายส่องความมืดมนของภาพมายาที่ทุนนิยมสร้างขึ้น ให้ทุกคนได้กระจ่างแจ้งถึงความเป็นจริงที่ถูกบังเอาไว้ อย่างน้อยก็ได้ถ่วงดุลความหลอกลวงที่มีแต่จะมากขึ้นทุกวันๆครับ

      Delete
  2. สวัสดีครับ แวะเวียนมาอีกรอบ ไม่ทราบว่าเจ้าของบล๊อกได้เริ่มเตรียมตัวออกนอกระบบทุนบ้างแล้วหรือยังครับผม
    เวปนี้ก็ดีนะครับ เป็นเวปที่รวมคนที่มีความคิดคล้ายๆกัน มีตัวอย่าง ประสบการณ์ของคนที่กำลังเริ่มต้น หรือบางคนอาจจะไปไกลแล้วในเรื่องการพึ่งพาตัวเองครับ
    http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=9997.0

    อาจจะต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะเห็นรูปภาพในเวปน่ะครับ
    ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของบล๊อกต่อๆไปครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. พวกเรากำลังเตรียมต้นแบบในการ "ออก" แล้วครับ ชื่อหมู่บ้านพอ เพราะออกคนเดียวคงไม่มันเท่าไหร่ เดี่ยวว่าเขียนบล็อกถึงจุดหนึ่งคงรวมเล่มออกขายในวงกว้างครับ จะได้ล้างภาพมายาไปพร้อมๆกัน โครงการหมู่บ้านพอก็จะได้เป็นจุดศุนย์กลางของคนเืบื่อระบบทุน ทำหน้าทีี่ในการเป็นพี่เลี้ยงในการออกจากระบบไปด้วยในตัวเลยครับ

      ต้องขออภัยที่ remove คอมเมนต์ของคุณออกไปอันหนึ่ง ในบทความเรื่อง ความดัดจริตบนความเรียบง่าย พอดีไม่ค่อยคล่องกับการใช้ blog น่ะครับเลยกดพลาด ใช้งานมันไม่ค่อยถูกหรอก

      Delete