เชื่อว่าคนเป็นลูกจ้างทุกคนต้องมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเราจะได้เป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง
จะได้เป็นอิสระเสียที
ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นครับ
เพราะตอนที่ทำงานประจำเป็นลูกจ้างนั้น รู้สึกเหมือนกับอยู่ในนรก
เป็นทาสที่ใครๆก็จิกหัวใช้ชนิดไม่เกรงใจกันเลย ก็เลยฝันว่าอยากจะทำธุรกิจเอง
ธุรกิจที่ตัวเองรักที่จะทำมันจริงๆ
คุ้นๆไหมครับ
ความฝันแบบนี้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
เจ้าของกิจการนี่ยิ่งกว่าทาสอีกนะครับ อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงจะตกใจ
แต่มันคือความจริงที่คนเป็นเจ้าของกิจการรู้ดี แต่ก็ไม่รู้จะหนีมันออกยังไง
คือแทนที่จะเป็นอิสระจากแรงกดดันทั้งหลาย เมื่อถึงจุดที่ปรารถนา
คิดว่าสามารถกำหนดชีวิตตนเองได้ แต่กลับกลายเป็นว่า
สุดท้ายก็ต้องไปเป็นทาสของลูกค้ากับระบบอีก ไม่มีใครเป็นอิสระจริงแม้แต่คนเดียว
คนที่ทำงานกินเงินเดือนเป็นลูกจ้างนั้น
ก็จะเป็นทาสอีกแบบหนึ่ง
แบ่งเป็นทาสหลายระดับที่ถูกเงื่อนไขพันธนาการเอาไว้ตามระดับของตน
จำกัดขอบเขตตามเงินเดือน
เงินจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่ารับเรื่องงี่เง่าชวนปวดหัวได้มากน้อยแค่ไหน
พูดง่ายๆคือเขาจ้างมาให้เครียด บางคนเงินเดือนนิดเดียวแต่เหมือนกับซื้อทั้งชีวิต
เป็นแรงงานราคาถูกที่จิกหัวใช้ได้ตลอดเวลา พนักงานระดับล่างก็เครียดน้อยหน่อย
เงินก็น้อยตาม หากใครกระเสือกกระสนหาความก้าวหน้า(หรือเรียกว่าหาความเครียดใส่ตัว)
ก็จะตะเกียกตะกายขึ้นสู่ที่สูง โดยหารู้ไม่ว่า เงินเยอะ ต้นทุนก็เยอะ
ความเครียดก็เยอะ
บีบคั้นทั้งจากข้างบนและข้างล่าง(โดยเฉพาะผู้จัดการระดับกลางที่แบนเหมือนไส้แซนวิชดีๆนี่เอง)
บางคนโชคดี ฝีมือดี
จังหวะอำนวยก็อาจจะได้ขึ้นไปยืนบนยอดปิรามิดซึ่งมีพื้นที่ให้ยืนนิดเดียว
แต่เป็นพื้นที่ๆต้องรับความเครียดมหาศาล
เพราะเงินเดือนยิ่งเยอะความคาดหวังก็เยอะตาม
พลาดเพียงนิดเดียวถ้าไม่ตกลงมาเองเดี๋ยวก็มีคนจ้องเสียบอยู่ตลอดนั่นแหละ
มีความสุขไหมเล่า
ส่วนคนที่เป็นเจ้าของกิจการนั้น
หากไม่ใช่ชื่อใหญ่บิ๊กเบิ้ม ก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนครับ
ตอนทำงานประจำยังดีมีคนแบ่งความรับผิดชอบบ้าง แต่พอเป็นเจ้าของนี่รับความเครียด
ความรับผิดชอบเต็มๆ ทั้งจากลูกค้า จากผลประกอบการ จากยอดขาย จากลูกน้อง ฯลฯ
เจ้าของกิจการบางคนเวลาหางานนี่ต้องทำตัวยิ่งกว่าโสเภณีอีกนะ
คือต้องคอยสนองตัณหาลูกค้าไปเรื่อย บางคนทำงานแทบจะตลอด 7 วัน
วาดฝันว่าวันหนึ่งจะสุขสบายมีเงินมีทองใช้ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน
ซึ่งจริงๆก็มีครับ แต่ไม่มีความสุขนะ ได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆว่ามีความสุข ทั้งๆที่จริงแล้วอยากจะนอนตีพุงมากกว่า
ก็เลยวางแผนทำงานหนักว่าจะไปนอนตีพุงตอนแก่แทน
แต่ถามจริงๆเถอะว่ามีสักกี่คนที่จะไปถึงตรงนั้น
เพราะทุกคนมุ่งแต่จะกอบโกยผลประโยชน์เอามากกว่าที่ตนเองสามารถจะใช้ได้หมด
ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ประโยคที่ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ใช้ไม่ได้อีกต่อไป
เพราะสังคมทุกวันนี้มีแต่การเบียดเบียนเพราะการกอบโกยทรัพยากรที่มีจำกัดซึ่งเกิดขึ้นแบบเข้มข้น
ทุกเม็ด
ชนิดที่ว่าเผลอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...และนี่เป็นสังคมของสัตว์เดรัจฉานครับ
เราอยู่กันแบบห่วงโซ่อาหารจริงๆ
และในระบบก็มีแต่สถานะผู้ล่าและผู้ถูกล่าเท่านั้นครับ
มนุษย์ตัวเป็นๆอยู่ไม่ได้หรอก
เมื่อเจ้าของกิจการได้ขึ้นไปสู่ขั้นสูงสุดของธุรกิจ
มีอำนาจเหนือตลาดได้แล้ว ขึ้นสู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารแล้ว
จากนี้ก็ไม่ต้องง้อใครแล้วครับ ก็สั่งลูกน้องให้ทำตลาด
ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อดูดเอาเงินจากผู้บริโภค
เหมือนเรือประมงออกหาปลานั่นแหละครับ ทั้งๆที่สินค้าหรือบริการบางอย่างก็ไม่ได้จำเป็นเลย
เพียงแต่อาศัยกลในการสร้างเงื่อนไขต่างๆขึ้นมาให้ดึงดูดใจ
เพื่อตอบสนองความต้องการเทียมๆอันเกิดจากการสร้างภาพหลอกให้เกิดความต้องการ
แล้วล่อให้ผู้บริโภคเข้าไปติดกับ จ่ายเงินให้กับสินต้าและบริการของตน
ซึ่งบางอย่างเป็นสัญญาระยะยาวไม่ต่างอะไรกับการเซ็นสัญญาทาส
สินค้าบริโภคบางอย่างเช่นขนมขบเคี้ยวนี่มีแต่สารเคมีทั้งนั้น
วงจรทาสไม่เพียงมีแค่นี้นะครับ
ยังมีอีกหลายวงจรที่ซ้อนทับกันมากมายแทบไม่น่าเชื่อ
เพียงแต่เราไม่สามารถมองเห็นเพราะคำโฆษณาประชาสัมพันธ์และวิถีวิธีการที่ซับซ้อนเบื้องหน้ามันปิดบังความจริงอยู่
แต่แนะนำให้สังเกตง่ายๆคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าไม่วาจะทำอะไร
จะซื้ออะไรที่คุณคิดว่าคุณชอบและพึงพอใจ แต่ลึกๆแล้ว มันไม่เคยเติมเต็ม
เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน เผลอแป๊บเดียวของที่ไม่จำเป็นเต็มบ้าน
บริการที่ไม่จำเป็นทำให้เป็นภาระในระยะยาว
นั่นแสดงคุณเริ่มโดนดูดเข้าไปสู่วงจรทาสแล้ว
ระบบทาสนี้ใหญ่โตมาก
ขนาดทีว่าเราเกิดมากับมัน โตมากับมัน อาศัยมันดำรงชีวิต
จนเรานึกไม่ออกแล้วว่าขาดมันแล้วจะอยู่ยังไง
ซึ่งความกลัวนี้แหละที่กลับมากักขังเราเสียเองในที่สุด
จริงๆแล้วระบบพึ่งตนเองนั้นมีอยู่มากมาย
มีคนจำนวนไม่มากที่ได้ออกจากระบบทุนไปใช้ชีวิตอย่างไม่แคร์โลก
ที่สำคัญคือยู่ได้จริงๆ เพียงแต่ถ้าเทียบกับภาพลักษณ์อันสวยงาม(แบบมีต้นทุน)แล้ว
หลายคนเลือกที่จะเป็นทาสไปตลอดชีวิตดีกว่า
เรื่องแบบนี้ไม่ต้องอาศัยความกล้าในการออกจากระบบก็ได้ครับ
ขอให้เข้าใจกลไกอันดำมืดของระบบทุนให้ถ่องแท้
รับรองว่าจะรีบหาทางออกแบบไม่ลังเลอีกเลย
ก็ลองเริ่มจากเรื่องง่ายๆครับ
ลดการพึ่งพาระบบหรือคนอื่นให้มากขึ้นๆเรื่อยๆ
สิ่งไหนที่ทำให้เราไปวนเป็นวงจรวกวนซับซ้อนก็ออกจากมันเสีย
เมื่อเรารู้สึกว่าภาระไม่จำเป็นเหล่านี้ถูกปลดลงจนเบาสบาย
ก็จะรู้ได้เองว่าเราแบกแต่สิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งนั้น ทางออกนั้นมีอยู่เสมอ
เพียงแต่คุณอย่าไปติดใจสินบนเล็กๆน้อยๆที่มาในรูปแบบความสะดวกสบายซึ่งช่วยผ่อนคลายภาระงานอันหนึกอึ้งโดยไม่จำเป็น
ตรรกะแบบลำบากก่อนแล้วค่อยสบายนั้นมันใช้จริงไม่ได้หรอกครับ
แล้วไม่ต้องมองหาความสุขที่ไหนอีก แค่คุณปลดเปลื้องภาระอันไม่จำเป็นลงบ้าง
ความสุขก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ก็เงื่อนไขความจำเป็นทั้งหลายนั่นน่ะ
มันมาจากโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของผู้ผลิตสินค้าและบริการทั้งนั้น
แล้วคุณคิดเหรอว่ามันจะจำเป็นกับคุณจริงๆ 555 ตื่นกันได้แล้วครับ
เข้า google หาคำว่า ยิว,โปรโตคอล, ไซออนนิส, Illuminati นะครับ
ReplyDeleteอาจจะงง งง หน่อยช่วงแรก แต่มันคือแผนการเอาทุนนิยมมาครอบงำคน
เพื่อให้คนตกเป้นทาสในระบบ
ซึ่งก็คือหนึ่งในแผนการยึดครองโลกของคนกลุ่มนี้ครับ
แล้วตอนนี้เรื่องราวมันกำลังดำเนินไปจนถึงจุดที่เขาเรียกว่า END GAME
สงครามโลกครั้งที่ 3 คือยึดครองโลกได้อย่างเบ็ดเสร็จ
อาจจะฟังดูเว่อร์ แต่เท่าที่ดูคุณเขียนบล๊อกมาทั้งหมดนี่
ผมมั่นใจว่า ข้อมูลที่ผมบอก จะทำให้ได้รู้อะไรลึกๆ เบื้องหลังทุนนิยมนะครับ
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
ลองซักหน่อยนึงนะครับ vdo พูดเร็วมาก แต่ตั้งใจดูนะครับ
อิลลูมินาติ กับ ทุนนิยม Illuminati and capitalism
http://youtu.be/O9EHYCbXJr8
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
ยาว แต่อาจจะทำให้เห็นอะไรดีๆ
พวกเขาต้องการ Globalization คือ ทำโลกให้เหมือนกัน กินเหมือนกัน
นอนเหมือนกัน แต่งตัวเหมือนกัน คิดเหมือนกัน รักเหมือนกัน
เกลียดเหมือนกัน พูดเหมือนกัน ทำท่าทางเหมือนกัน
ดูหนังเหมือนกัน ฟังเพลงเดียวกัน ขับรถตร์เหมือนกัน
เรียนหนังสือหลักสูตรเดียวกัน ทำธุรกิจเหมือนกัน เล่นหุ้นเหมือนกัน
ไลฟ์สไตล์เหมือนกัน
เราไม่รู้สึกหรือว่า ที่สำคัญ..พวกเขากำลังทำให้โลก ไร้ศาสนา..เหมือนกัน
โดยเปลี่ยนศาสนาให้เป็น ทุนนิยม เงินตรา และดอกเบี้ย
http://www.oknation.net/blog/TalkingBook/2009/03/14/entry-1
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
ทุน ถ้าเอามากองรวมกัน ใช้ทำอะไรก็ได้โดยอิสสระ
เราจะใช้มันทำให้เกิดการผูกขาดทางการค้าและอุตสาหกรรม
นี่คือสิ่งที่พร้อมที่จะทำได้ทันจากมือที่มองไม่เห็นจากทุกหนทุกแห่งในโลก..”
ลองคิดตามเล่นๆนะครับ การรวมกันของทุน ก็คือกองทุน การขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจด้วยกองทุน กลายเป็นอาวุธและเป็นเครื่องมิในการผูกขาดเศรษฐกิจโลก
พวกยิวคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1
เดี๋ยวนี้เราเห็นกองทุนซื้อล่วงหน้าน้ำมัน จนทำให้กลไก Demand-Supply ไม่เป็นปกติ
สหรัฐโกรธอิหร่านที ราคาน้ำมันก็พุ่งขึ้นที
เช่นนี้แหละที่เรียกว่า การผูกขาดการตั้งราคาขายล่วงหน้า
เราเห็นกองทุนเก็งกำไร ต่างๆอย่างเช่น การตั้งกองทุนโจมตีค่าเงิน
การตั้งกองทุน CDO. หรือ Collateralized Debt Obligation หรือ CLO. -
Collateralized Loan Obligation ที่กำลังก่อปัญหาไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
เชื่อแล้วว่ากองทุนของยิว สร้างพลังอำนาจแห่งการผูกขาดเศรษฐกิจโลกได้จริงๆ
http://www.oknation.net/blog/TalkingBook/2009/03/18/entry-1
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ สำหร้บบล็อกเขียนขึ้นโดยมีพื้นฐานของพระสัจธรรมแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลัก ดังนั้นเราจึงเห็นเรื่องตัณหาอยู่ในแทบทุกบทความเพราะ ตัณหานั้นเป็นหัวใจหลักของทุนนิยม ซึ่งขัดแย้งกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง และพุทธธรรมแท้ๆของพระพุทธศาสนาที่ให้ดับตัณหาเสีย แล้วเรื่องยุ่งๆก็จะจบของมันเอง
Deleteแม้ว่าเราจะล่วงรู้กลเกมของใครก็แล้วแต่ที่กำลังทำลายหรือยึดครองโลก มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า เราก็ยังทุกข์อยู่เสมอ ดังนั้น ถ้าสู้แล้วมันพ้นทุกข์ได้จริงมันก็น่าสนใจ แต่ถ้าสู้แล้วเราต้องกลับมาทุกข์เหมือนเดิม ผมว่าเราเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเองดีกว่าครับ
บล็อกนี้เน้นไปที่ให้แสงสว่างแห่งปัญญาฉายส่องความมืดมนของภาพมายาที่ทุนนิยมสร้างขึ้น ให้ทุกคนได้กระจ่างแจ้งถึงความเป็นจริงที่ถูกบังเอาไว้ อย่างน้อยก็ได้ถ่วงดุลความหลอกลวงที่มีแต่จะมากขึ้นทุกวันๆครับ
สวัสดีครับ แวะเวียนมาอีกรอบ ไม่ทราบว่าเจ้าของบล๊อกได้เริ่มเตรียมตัวออกนอกระบบทุนบ้างแล้วหรือยังครับผม
ReplyDeleteเวปนี้ก็ดีนะครับ เป็นเวปที่รวมคนที่มีความคิดคล้ายๆกัน มีตัวอย่าง ประสบการณ์ของคนที่กำลังเริ่มต้น หรือบางคนอาจจะไปไกลแล้วในเรื่องการพึ่งพาตัวเองครับ
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=9997.0
อาจจะต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะเห็นรูปภาพในเวปน่ะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของบล๊อกต่อๆไปครับ
พวกเรากำลังเตรียมต้นแบบในการ "ออก" แล้วครับ ชื่อหมู่บ้านพอ เพราะออกคนเดียวคงไม่มันเท่าไหร่ เดี่ยวว่าเขียนบล็อกถึงจุดหนึ่งคงรวมเล่มออกขายในวงกว้างครับ จะได้ล้างภาพมายาไปพร้อมๆกัน โครงการหมู่บ้านพอก็จะได้เป็นจุดศุนย์กลางของคนเืบื่อระบบทุน ทำหน้าทีี่ในการเป็นพี่เลี้ยงในการออกจากระบบไปด้วยในตัวเลยครับ
Deleteต้องขออภัยที่ remove คอมเมนต์ของคุณออกไปอันหนึ่ง ในบทความเรื่อง ความดัดจริตบนความเรียบง่าย พอดีไม่ค่อยคล่องกับการใช้ blog น่ะครับเลยกดพลาด ใช้งานมันไม่ค่อยถูกหรอก