Wednesday, October 17, 2012

อะไรเอ่ยไปที่ไหนฉิบหายที่นั่น?

คำตอบต่อคำถามนี้...ไม่ใช่นักการเมือง ถึงแม้มันจะใกล้เคียง(ฮา)

เคยสังเกตเห็นไหมครับ ว่าพอเกษตรกรมีปัญหาเรื่องผลผลิตตกต่ำ ผลผลิตเสียหาย ขายไม่ได้ราคาก็มาเดินขบวนประท้วง ปิดถนนบ้าง เอาผลผลิตมาเทปิดทางจราจรบนถนนเรียกร้องให้รัฐดูแลบ้าง ฯลฯ อะไรที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์เหล่านี้

ปัญหาทั้งหมดในสังคมล้วนมาจากต้นตอเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนักการเมืองโกงกิน การทุจริตในแวดวงต่างๆ ความฉ้อฉลขององค์กรทุกภาคส่วน ความสามานย์ของนายทุน ความล่มสลายของสถาบันครอบครัวและสังคมโดยรวม ไปจนถึงคนรากหญ้าที่หันมากินเลือดกินเนื้อกันเอง

สิ่งอันเป็นความฉิบหายอย่างสุดยอดที่มนุษย์พึงจะมีได้ในปัจจุบัน ก็คือแนวคิดแบบทุนนิยมนั่นแหละครับ ใกล้ตัวมากจนไม่เคยสังเกต มัวแต่ไปโทษอย่างอื่นหมด แล้วก็แก้ปัญหาไม่เคยได้เลย ไม่เชื่อไปถามอาร์เจนติน่า ไปถามกรีซ ไปถามอิตาลี ไปถามสเปน ที่ตอนนี้กำลังอ่วมดูสิครับ แต่ไม่ต้องไปถามอเมริกานะครับ รายนั้นเขาปากแข็ง แต่สังเกตจากอาการช้ำในได้เพราะปิดไม่มิด(ฮา)

แนวคิดแบบทุนนิยมนั้นก็คือ แปลงทุกอย่างให้เป็นทุน แล้วขับดันมันด้วยอุปสงค์(ความอยาก)และอุปทาน(การสนองความอยาก)

การแปลงทุกอย่างให้เป็นทุนนั้นก็เปรียบเหมือนกับการแลกชิปก่อนเข้าไปเล่นในกาสิโนหรือบ่อนการพนันนั่นแหละครับ พอเข้าไปในกาสิโน เราก็เลือกเล่นเกมอย่างที่เราอยากเล่น กาสิโนก็สนองเราด้วยเกมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเขาคุมเอาไว้หมดแล้วทุกเม็ด ใครทำเงินเกินหน้าเกินตาอาจจะมีการเชิญให้ไปเป็นอาหารสัตว์ได้ในภายหลัง แล้วทีนี้ลองนึกดูนะครับว่า เราจะมีโอกาสชนะหรือร่ำรวยจากการพนันได้จริง หรือได้แค่อารมณ์มันๆคันๆที่เสียเงินเล่นให้หายอยากกลับบ้าน?

เหมือนกันล่ะครับ ระบบทุนบอกกับเราว่าให้แลกทุกอย่างเป็นเงิน(ชิป) เป็นตัวกลางแลกเปลี่ยน แล้วคุณก็จะร่ำรวยล่ะทีนี้ ว่าแล้วเขาก็ผลักคุณให้ลงมาเล่นในระบบทุน ระบบตลาด เขาจัดระบบตลาดเอาไว้ให้หมดแล้ว คุณก็เล่นไปสิ ซึ่งเขาก็บอกแบบนี้กับทุกคนล่ะครับ ทุกคนมีโอกาสรวยเท่าๆกัน(เหมือนซื้อหวยไง) ตั้งแต่ลูกจ้าง ไปจนถึงเกษตรกร ทุกคนแลกชิปเพื่อลงเล่นในระบบทุนหมด จนแทบไม่มีทางเลือกอื่น แต่พอเล่นจริงๆไหงกลับมีไม่กี่ตระกูลที่รวยเอาๆ คนส่วนใหญ่กลับจนลงๆ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็คิดดูว่าเด็กจบใหม่สมัยนี้ทำงานหาเลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้แล้วนะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตลกเอามากๆ

เหตุที่คนรวยในประเทศมีไม่กี่ตระกูลก็เพราะระบบทุนเสรีมักจะจัดหาปัจจัยต่างๆให้เอื้อกับกลุ่มทุนในทุกๆเรื่อง นับตั้งแต่กฏหมาย สิทธิการงดเว้นภาษี ระบบสาธารณูปโภคที่ออกแบบให้เอื้อกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ทีมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง สายสัมพันธ์ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงบน ก็เอื้อให้ธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งนั้น

และปรากฏการณ์ความฉิบหายในทุกๆระดับก็ล้วนแล้วแต่ถูกขับดันด้วยความอยากของผู้คน(ไม่เชื่อไปถามคนที่ต่อแถวซื้อมือถือข้ามวันสิครับ อยากไหม) อันเป็นความอยากตัวเดียวกับที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกมันว่า ตัณหา ซึ่งเป็นของร้อน เป็นสิ่งที่จะนำทุกข์มาให้ แล้วคิดดูครับว่าระบบทุนนิยมซึ่งมีความอยากของผู้คนเป็นแรงขับดัน มันจะให้ความสุขใครได้จริงอีก...ไม่มีนะครับ เป็นภาพฝันลมๆแล้งๆที่ระบบทุนวาดไว้ให้คุณวิ่งไล่เท่านั้น แต่ภาพนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นจริงต่อหน้าใครเลย

ฉะนั้นการที่เราเห็นเกษตรกร ชาวนาทั้งหลายต้องดิ้นรน ต้องประท้วงให้พืชผลขายได้ราคาคุ้มต้นทุน ขนาดที่ต้องให้รัฐมาอุ้ม มาจำนำพืชผลก็เป็นเพราะความอยากที่ขับดันอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น ไม่เชื่อลองให้เกษตรกรหรือชาวนาใช้โมเดลเศรษฐกิจพอเพียงสิครับ มันจะมีปัญหากันไหม ปัญหาก็หมดไปเพราะเกษตรกรทั้งหลายก็จะมีข้าวปลกกินเป็นอันดับแรก มีกินมีใช้จากทรัพย์ในดินของตัวเอง ความอยากความดิ้นรนมันก็จะน้อยลง ทุรนทุรายน้อยลง เพราะความหิวโหยมันถูกกำจัดไป ไม่ต้องหาเงินเพื่อไปซื้อข้าวปลาที่ตนสามารถปลูกสามารถเลี้ยงเองได้ แต่เมื่อเขาต้องทำเกษตรเพื่อขายแลกเงิน(ชิป) แต่ราคาผลผลิตกลับถูกระบบพ่อค้าคนกลาง รัฐ และระบบตลาดควบคุมอยู่ ถามว่าจะมีเกษตรกรหน้าไหนที่จะร่ำรวยจากการเกษตรอีก(ถ้าไม่ใช่รายใหญ่ที่สามารถมีอิทธิพลต่อตลาดได้) ไม่มีนะครับ  ยิ่งพอได้เงินมาแล้วก็ต้องเอาไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาทำการเกษตรจนแทบไม่เหลือ แถมยังถูกกระตุ้นจากสื่อให้อยากซื้อโน่นซื้อนี่ ซื้อรถเครื่องขี่เท่ๆ ซื้อมือถือหรูๆเอาไว้ใช้อวดชาวบ้าน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นกับเขาเลยแม้แต่น้อย

ข่าวเกษตรกรประท้วงเรื่องราคาผลผลิตนี่ถือเป็นเรื่องขำขื่นนะครับ เพราะถ้าให้ผมไปเป็นเกษตรกร ผมก็จะไม่ง้อตลาด ไม่ง้อสารเคมีไม่ง้อปุ๋ยเคมีล่ะ จะตัดปัจจัยที่ต้องพึ่งระบบทุนออกไปให้มากที่สุด พึ่งตัวเองให้มากที่สุด ทำไร่ทำสวนทำนาให้ตัวเองได้มีกินมีใช้ก่อนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง พอผลผลิตเหลือแล้วค่อยแจกจ่ายสร้างเครือข่ายการพึ่งพาตนเอง เหลือจากนั้นค่อยทำบุญแล้วขาย ทำไปแบบพอประมาณตน ไม่วอกแวกกับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประโคมทุกวัน และไม่ฝากอนาคตไว้กับพืชเชิงเดียวแบบที่เกษตรกรเขาทำกัน ถ้าทำได้แบบนี้ เกษตรกรก็จะลืมตาอ้าปากกับเขาได้ ยืนบนขาตัวเองได้อย่างภาคภูมิ ไม่ใช่รอให้นักการเมืองเกณฑ์ไปช่วยก่อม็อบหรือประท้วงจนเกือบจะเป็นอาชีพหลักอย่างเช่นทุกวันนี้

ไม่ใช่แค่ภาคเกษตรนะครับที่แนวคิดระบบทุนได้ทำให้เกิดความฉิบหายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แม้แต่คนเมืองก็ฉิบหายได้พอๆกัน เพราะคนเมืองเป็นกลุ่มที่รับสื่อมากในทุกๆทาง พูดง่ายๆคือถูกกระตุ้นจากสื่อต่างๆอยู่ตลอดเวลาจนแทบจะโหยหากลายเป็นเปรตอยู่แล้ว จนต้องวิ่งแสวงหา วิ่งหาทางสนองไลฟ์สไตล์ตามที่มีคนบอกให้เป็น ขณะที่การหาเงินก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ อาหารการกินซึ่งถูกผูกกับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเพียงไม่กี่รายก็แพงขึ้นเรื่อยๆ แถมคุณภาพห่วยลงๆอย่างเห็นได้ชัด ด้านที่อยู่อาศัยก็แพงขึ้นเรื่อยๆจนจะกลายเป็นอภิสิทธิ์สำหรับคนรวยกันอยู่แล้ว คนเมืองส่วนใหญ่จึงอยู่ในภาวะโหยหา โหยหิวทางจิตวิญญาณกันอย่างมาก เพียงเพราะตัณหาความอยากที่ถูกกระตุ้นจนขีดสุดนั่นเอง

ปรากฏการณ์ความอยากนี้ยังเผื่อแผ่ไปในหมู่ข้าราชการ นักการเมือง และบริษัทเอกชนด้วย ไปที่ไหนก็ทำให้ความอยากเข้าครอบงำ จากคนก็กลายเป็นเปรต รับประทานไม่เลือก ส่งผลให้เกิดการทุจริตงบประมาณ ทุจริตเชิงนโยบายกันอย่างกว้างขวาง อย่างครบวงจร และในปัจจุบันก็ต้องใช้คำว่าโจ๋งครึ่มผนวกลงไปด้วยถึงได้อารมณ์เหมือนที่มันเกิดขึ้นจริง ขนาดเห็นกันจะๆว่ากำลังทุจริตอย่างน่าเกลียด มันก็ยังโกงกินกันต่อไปแบบหน้าด้านๆนั่นแหละ

อีกเรื่องที่เลวร้ายอย่างแนบเนียน ก็เห็นจะเป็นพวกพ่อค้าคนกลางและระบบจัดจำหน่ายสินค้าทั้งหลายที่พยายามหาส่วนแบ่งกำไรให้มากที่สุด โดยหาทางกดหัวผู้ผลิตรายย่อยที่ต้องการเข้าตลาด และปรับราคาขึ้นเอากับผู้บริโภคโดยอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ถ่างช่องว่างของกำไรกินจนพุงกาง ส่วนผู้ผลิตรายใหญ่ไม่ต้องห่วงเขาหรอกครับ พวกนั้นเขาก็มีเล่ห์กลที่จะหลอกเอาคืนจากผู้บริโภคเหมือนกัน ไม่งั้นเขาไม่สามารถที่จะขยายกิจการใหญ่โตขึ้นมาได้หรอก ซึ่งกรณีนี้มันยังสามารถเนียนไปได้กับกลไกอันซับซ้อนของระบบตลาดและการจัดจำหน่าย แต่เชื่อเถอะครับว่า พ่อค้าคนกลางนี่สามานย์ไม่แพ้การทุจริตในวงการอื่นๆเลย

ระบบทุนนิยมในปัจจุบันจึงไม่เหมาะกับคนสุจริต ที่ใช้ชีวิตในแบบอุดมคติอีกต่อไปแล้ว เพราะระบบทุนกำลังถูฏขับดันด้วยตัณหาอย่างเข้มข้น คนที่หมดตัณหาอย่างผมเลยต้องมาเขียนบทความแฉความสามานย์ของระบบอย่างที่เห็น แต่ไม่ได้แฉเพื่อที่จะขอช่องว่างเข้าไปหาผลประโยชน์กับระบบนะครับ ไม่รู้จะเอาไปทำห่าอะไร กินก็แค่ 3 มื้อ อยู่ไม่เกินร้อยปีก็ตายแล้ว แต่จะแฉเพื่อให้ผู้คนที่เป็นหมากเป็นเบื้ยให้กับระบบทุนเปรตนิยมเหล่านี้ได้ตื่นขึ้น ตาสว่างขึ้น และลดแรงเสียดทานจากอิทธิพลของระบบทุนต่อปัจจัยต่างๆในชีวิตผู้คนให้น้อยลง เพื่อที่ระบบจะไม่สามารบีบเราได้มากอย่างที่ผ่านๆมาอีก ถ้าใครกล้าหน่อยก็ปลดแอกตัวเองจากเงื่อนไขต่างๆของระบบทุนมันซะเลย

ที่เราถูกบีบคั้นจากปัจจัยและเงื่อนไขทางเศรษฐกิจต่างๆอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะเราไปผูกพันเงื่อนไขที่ต้องพึ่งพาระบบทุน ระบบรัฐที่อยู่ในมือเปรต เอ๊ย คนไม่กี่ตระกูลหรอกเหรอครับ

เลิกไร้เดียงสากันได้แล้วครับ เพราะความเป็นจริงโดยพฤตินัย ระบบทุนนิยมไม่ว่าที่ใดในโลก ล้วนเป็นเพียงเครื่องมือให้กับคนไม่กี่ตระกูลเหมือนกันทั้งนั้น เรียกว่าเป็นระบบทาศที่ถูกรับรองโดยกฏหมายรัฐ ไม่เว้นแม้แต่ที่อเมริกาซึ่งเป็นประเทศเสรีก็ตกอยู่ใต้ระบบทาสแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ

และถ้าจะหาความจริงจากผู้คนสมัยนี้ก็ต้องปิดหูเลิกฟังเสียงกล่อมแล้วเปิดตาดูแต่พฤติกรรมความเป็นจริงกันล่ะครับ เพราะคำพูดมันโกหกกันได้เป็นไฟนับตั้งแต่นักการเมือง นายทุน จนถึงข้าราชการระดับสูงขี้ฉ้อทั้งหลาย แต่สุดท้ายพฤติกรรมแบบเปรตนั้นมันไม่สามารถโกหกเราได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ทีนี้เห็นหรือยังว่าเรากำลังอยู่ในยุคเปรตครองโลกจริงๆ เพราะมันเอากันซะจนไม่รู้จะเอาจากอะไรอีกแล้ว ก็เลยหันมาเบียดเบียนกินเลือดกินเนื้อกันเอง อย่างนี้เรียกสังคมมนุษย์คงไม่ไหวล่ะครับ

No comments:

Post a Comment