Thursday, December 6, 2012

ทุนนิยมในฐานะธรรมนูญใหม่ของโลก

ชนชั้นกลางจริงๆก็คือไส้แซนวิชนั่นแหละ
เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยอย่างอเมริกาถึงได้พยายามทุกวิถีทางที่จะรุกรานชาวบ้านชาวช่องเขาไปทั่วทั้งทางด้านการเมือง การฑูต และเศรษฐกิจ เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมแม้แต่คนอเมริกันที่ดูเหมือนจะมีเสรีภาพแต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนักในชีวิต เวลาจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตทุกขั้นตอน ขนาดทำสวนทำไร่ปลูกพืชอาหารยังต้องทำสัญญากับบริษัทขายเมล็ดพันธุ์ ไม่ทำก็ไม่มีเมล็ดพันธุ์ หรือถ้ามีพันธ์พื้นบ้าน ตลาดก็ไม่รับซื้อ นอกจากนี้ยังมีคดีประหลาดถึงขนาดที่ว่ามีชายคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุกเพราะเขาไปกินเมล็ดแอปปริคอทเพื่อ "รักษามะเร็ง" ด้วยตนเอง!!

นี่ขนาดพลเมืองชั้นหนึ่งของเขานะครับ ทีนี้ถามอีกครั้ง ใครอยากจะไปอยู่อเมริกาอีกบ้าง?

ทุกวันนี้ชาวอเมริกันเองก็ไม่ได้มีอิสระเสรีภาพอย่างที่ได้ตราเอาไว้ในรัฐธรรมนูญอีกต่อไปแล้ว เพราะ ธรรมนูญของอเมริกาและหลายประเทศทั่วโลกที่เรียกตัวเองว่าประเทศประชาธิปไตยนั้นถูกแก้ไขโดยระบบทุนนิยมไปเรียบร้อยแล้ว นักการเมืองที่เข้าไปบริหารประเทศทุกๆวาระ ล้วนแล้วแต่เข้าไปโดยแนวคิดแบบนายทุน เข้าไปเพื่อถอนทุน เข้าไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน เข้าไปเพื่อดูดกินทรัพยากรของชาติอันเป็นส่วนกลาง และทำได้แม้กระทั่งเอาเงินภาษีของประชาชนไปสร้างฐานเสียงให้พรรคของตน

ทุกวันนี้ระบบทุนนิยมมันมีผลกับประชาธิปไตยมากถึงขนาดที่ว่า สามารถเขียนกฏหมายให้รองรับการเจริญเติบโตของทุน เอื้อประโยชน์ให้ระบบทุน แล้วเขี่ยสิทธิเสรีภาพของคนตัวเล็กๆที่เป็นแค่ชนชั้นแรงงานให้ตกลงข้างถนนกลายเป็นพลเมืองชั้นสองอย่างถูกกฏหมายได้เลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นแค่ที่อเมริกานะครับ แต่เป็นกับทุกประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย รวมถึงประเทศไทยด้ย เพราะประชาธิปไตยนั้นให้เสรีภาพขนาดที่ว่า คุณจะปู้ยี่ปู้ยำประเทศของคุณยังไงก็ได้ ขอแค่คุณได้มีอำนาจปกครองประเทศ มีอำนาจในการแก้กฏหมายให้รองรับสิ่งที่คุณทำ แบ่งผลประโยชน์ให้ลงตัว เตี้ยมบทกันให้ดีๆทั้งฝ่ายตนและฝ่ายค้าน ต่อหน้าประชาชนและสื่อก็เล่นบทขัดแย้งให้สมจริง แล้วไปรอรับเงินหลังเวที

แล้วลัทธิบริโภคนิยมล่ะมีเอาไว้ทำไม ลัทธิบริโภคนิยมเป็นเครื่องมือของชนชั้นนายทุนในการบริหารจัดการอุปาทานหมู่เพื่อการบริโภคอของประชาชนระดับล่าง เพื่อกระตุ้นแรงงานทั้งหลายให้บริโภคมากๆ เป็นการดูดเงินทุนเข้ามาในธุรกิจตน ซึ่งแม้ระบบทุนทั้งหลายจะจ้างแรงงานจำนวนมากให้มีงานทำ มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มี่รถขับ ดูดีไปหมด แต่นายทุนก็มีวิธีที่จะ"รีด" เม็ดเงินจากแรงงานให้กลับมามากกว่าที่จ่ายออกไป ด้วยมายาภาพแห่งการตลาด การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ อันเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นการบริโภคนั่นแหละ เมื่อผู้บริโภคแล้วเงินก็ไหลไปหานายทุนหมดนั่นไง

นอกจากนี้ระบบทุนไปที่ไหนที่นั่นก็จะมีแต่ความหิวกระหาย เก็งกำไร หาผลประโยชน์ ระบบทุนครอบงำการเมือง นักการเมืองก็จะเปลี่ยนเป็นนักธุรกิจการเมือง ครอบงำการศึกษา จากครูบาอาจารย์ก็จะกลายเป็นนักธุรกิจการศึกษา ครอบงำระบบสาธารณสุข จากหมอก็จะกลายเป็นนักธุรกิจการแพทย์ ครอบงำศาสนาก็จะกลายเป็นธุรกิจธรรมะ ครอบงำอาหารโลกจนต้องใช้วิทยาศาสตร์ด้านอาหารมาเล่นแร่แปรธาตุ ตัดแต่งพันธุกรรมให้ได้ผลผลิตเยอะๆ ผลิตพืชผักและสัตว์โดยใช้เคมีสังเคราะห์ด้วยความเร่งรีบให้เราได้กินกันเข้าไป โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีผลกระทบต่อสุขภาพคนได้อย่างไร ครอบงำระบบการเงิน จนกระทั่งต้องออกมากระตุ้นการกู้ยืม การใช้จ่ายๆ ทั้งๆที่เราก็มีบทเรียนมาแล้วจากครั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง นอกจากนั้นทุกๆวงการก็ยังมีการ "เก็บค่าหัวคิว" ซ้ำซ้อนจนน่ากลัว ไม่เชื่อคุณลองไปหาซื้อที่ดินสิ ไม่รู้นายหน้ากินกันกี่ต่อ ถ้ากินกันเองได้มันคงทำไปแล้ว

มีอีกเครื่องมือหนึ่งที่ระบบทุนนิยมใช้ในการ "ควบคุม" ผู้คนอย่างไม่เป็นทางการ นั่นก็คือระบบหนี้ ระบบทุนนิยมที่เจริญถึงขีดสุด จะต้องมีการสร้างหนี้ให้ประชาชนแบกโดยสมัครใจ ในทุกทาง ด้วยการกระตุ้นให้ใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกในการใช้เงินก้อนใหญ่ๆให้ง่ายที่สุด แล้วแรงงานทั้งหลายก็จะติดกับภาพมายาแห่งชีวิตมีระดับที่นายทุนวาดเอาไว้ให้อุปาทานหมู่ เพื่อให้วิ่งไล่ตามภาพมายานั้น ให้เร่งหาเงินมาใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของภาพมายานั้นอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย แต่ระบบทุนจะไม่ให้คนส่วนใหญ่สมหวังและมีความสุขเพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้คนมีความสุข หมดหิว หมดอยาก เมื่อนั่นระบบทุนนิยมก็จะล่มสลายลงทันที

มีเพื่อนผมที่เป็นชาวอเมริกันคนหนึ่งบอกว่า คนอเมริกันกู้เงินง่ายขนาดที่ว่า สามารถเปลี่ยนเครื่องทีวีทุกๆ 6 เดือน และถ้าผู้คนไม่ใช้จ่าย และหันไปพึ่งตัวเองกันมากๆ ระบบเศรษฐกิจก็จะล่มสลาย

ทุกวันนี้เราจึงเห็นองค์กรที่เป็นของนายทุนทั้งหลายออกมาขู่ฟ่อๆ ไม่ให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ(แต่อขอขึ้นราคาสินค้า) และพร่ำบ่นอยู่เสมอว่า ถ้าธุรกิจเจ๊ง คนทำงานก็ตายด้วย เรียกว่าต้องตายตกตามกัน ถ้าพวกเอ็งไม่ยอมให้ข้ารีดไถอย่างถูกกฎหมายต่อไป

ลองนึกดูสิครับว่านี่มันสังคมมนุษย์หรือสังคมเปรตกันแน่

และด้วยเหตุนี้เอง ที่ต่อให้เราพยายามจะแก้ปัญหาความขัดแย้งในชาติอีท่าไหนมันก็จะไม่สำเร็จ เพราะปัญหาจริงๆไม่ได้อยู่ที่ประชาธิปไตยครึ่งใบหรือเต็มใบอะไรนั่น แต่อยู่ตรงระบบทุนสามานย์ที่บูชาตัณหาความอยากเป็นสิ่งเคารพสูงสุดนั่นแหละ ที่มันครอบงำระบบและทำให้เกิดปัญหากับระบอบประชาธิปไตยจนแก้ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

ล่าสุดในหลวงท่านถึงกับทรงมีพระราชดำรัสออกมาว่า ถ้าผู้คนหายยากจน หายอดอยาก ประเทศก็จะเป็นประชาธิปไตยไปเอง และคราวนี้ท่านจะนำทัพด้วยพระองค์เอง นี่แสดงให้เห็นว่า พระองค์ท่านทรงเข้าใจธรรมชาติของระบบทุนจนถึงไส้ทุกขดกันเลยทีเดียว อันเป็นเหตุที่ทำให้พระองค์ท่านริเริ่มโครงการส่วนพระองค์มากมาย(มาตั้งนานแล้วด้วย) รวมถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแบบอย่าง และเป็นเครื่องมือที่จะปลดแอกคนไทยทั้งมวลให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสครอบงำจากระบบทุนสามานย์ทั้งในและนอกประเทศ

แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ทำได้แค่เทิดทูนบูชาท่าน แต่ไม่พยายามแม้แต่นิดเดียวที่จะเข้าใจในสิ่งที่พระองค์ท่านทำ แถมคนส่วนใหญ่ยังติดความสบายเกินจริงและภาพมายาที่ระบบทุนหยิบยื่นให้จนอ่อนแอและเกียจคร้านที่ปลดแอกตัวเองจากระบบกดขี่นี้

แต่ก็อย่างที่ผมได้สื่อสารมาโดยตลอดนะครับ เราไม่ต้องไปต่อต้านระบบทุนหรอก เพราะในที่สุดแล้วระบบทุนจะทำลายตัวเองไม่ช้าก็เร็ว คิดดูนะครับเปรตน่ะมันกินไม่เลือกและไม่เคยพอ พอของกินหมด เดี๋ยวมันก็จะสวาปามกันเองครับ ไม่ต้องลงมือต่อต้านให้เมื่อยแม้แต่นิดเดียว นี่เห็นข่าวล่าสุดว่ามีความพยายามที่จะเก็บเงินค่าคลิกเข้าไปดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตกับทุกคนบนโลกอีกแน่ะ เอาเข้าไป

คนไทยส่วนใหญ่ยังมืดบอดต่อความจริงอันนี้ หรือรู้แล้วแต่ก็กล้ำกลืนไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่เป็น ก็มันพึ่งระบบมาตลอดชีวิตจะให้ออกจากเงื่อนไขของระบบคงยาก และถ้าเมื่อใดก็ตามที่ระบบทุนล่มสลาย ผู้คนมากมายที่จงรักภักดีต่อระบบทุนก็จะตื่นมาเห็นความจริงอันเจ็บปวดว่า ตนก็เป็นแค่ถ่านไฟฉายก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งที่นายทุนและนักการเมืองจะถอดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีค่าอะไรจริงๆนอกจากเอาไว้ดูดเงิน สุดท้ายตัวเองก็จะไร้ที่พึ่ง เพราะทุกอย่างในชีวิตผู้คนทั้งหลายได้มาเพราะมายาการแห่งเงินตราทั้งนั้น พอเงินหมดความหมายลงก็เท่ากับตายทั้งเป็นนั่นแหละ

ถึงตรงนี้ก็คงต้องย้อนกับมาสรุปกันอีกทีอย่างที่ในหลวงท่านทรงกล่าวเอาไว้ล่าสุดเกี่ยวกับความเป็นความอยู่ของประชาชนชาวไทยนั่นแหละครับ ปัญหาความขัดแย้งในชาติบ้านเมืองและในหมู่ผู้คนทั้งหลายที่คิดเอาว่ามาจากระบอบประชาธิปไตยนั้น จริงๆไม่ได้มาจากตัวระบอบโดยตรง แต่ปัญหามันอยู่ที่ทุนซึ่งครอบงำรัฐอยู่นั่นแหละที่ทำให้เกิดปัญหาเต็มไปหมด แล้วก็ไม่ต้องไปหาวิธีแก้อย่างอื่นเช่น การประท้วง การก่อรัฐประหาร การเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม เพราะวิธีการเหล่านี้ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ดังนั้นสิ่งที่พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ว่าจะช่วยให้ประชาชนหายจน หายอดอยากนั่นแหละ ถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่คนไทยพึ่งพาตนเองได้ มีความสุขอย่างพอเพียง ไม่ต้องโดนบีบคั้นจากระบบทุน เมื่อนั้นระบบทุนที่ครอบงำบ้านเมืองอยู่ก็จะหมดฤทธิ์ลงไปเอง แล้วประชาธิปไตยที่แท้จริงจะกลับมาโดยที่ไม่ต้องลุกขึ้นสู้กับอะไรอีกเลย

No comments:

Post a Comment