Wednesday, April 17, 2013

นรกเสรีอาเซียน

การเปิดเสรีการค้ามันก็แค่โอกาสหาทาสเพิ่มของนายทุนเท่านั้น
ถึงเวลาที่ต้องยกหัวข้อนี้ขึ้นมาเขียนก่อนเพราะเรากำลังถูกเป่าหูผ่านสื่อกระแสหลักมากมายว่าเมื่อเปิดเสรีการค้าอาเซียนแล้วเศรษฐกิจจะดีชึ้น พัฒนาขึ้น โอกาสจะเปิดกว้าง แต่ต้องถามว่ามุมมองทั้งหมดที่ถูกนำเสนออย่างสวยหรูนั้นเป็นมุมมองของใคร พูดเพื่อใคร แล้วสุดท้ายใครจะได้ประโยชน์จริงๆ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้ต่อต้านการพัฒนานะครับ ถ้าการพัฒนานั้นเป็นการพัฒนาที่แท้จริง แต่ส่วนใหญ่ที่บอกว่าเป็นการพัฒนานั้นกลับกลายเป็นการแสวงหาผลประโยชน์อย่างเอารัดเอาเปรียบของคนกลุ่มเดียวเสียมากกว่า

การพัฒนาที่แท้จริงเท่าที่เห็นในโลกนี้ก็มาจากในหลวงของเรานั่นแหละครับที่เป็นของแท้ๆ เป็นไปเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยจริงๆ ของภาคส่วนอื่นที่เขาทำๆกันส่วนใหญ่นั้นมีจุดประสงค์แฝงในการแสวงหาผลประโยชน์กับคนตัวเล็กๆเสียมากกว่า แต่ก็นะ คนไทยยังตาบอดกันอยู่มาก เลยมองไม่เห็นสิ่งที่พระองค์ทรงทำและทรงเตือนอยู่ตลอดเวลา

กลับมาเรื่องราวของเศรษฐกิจกันต่อครับ

ที่เราเห็นข่าวเศรษฐกิจทั้งในกระแสหลักและกระแสรองทั้งหลายนั้น เป็นมุมมองของนักลงทุน มุมมองของนายทุน ที่มองเห็นโอกาสในการกอบโกย ดูดกลืนทรัพยากรจากในภาคส่วนต่างๆ หรือไม่ก็เป็นมุมมองของรัฐบาลที่ต้องการเห็นแต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยไม่ได้สนใจว่าความมั่งคั่งจากตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นจะไปตกอยู่ที่คนเพียงกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดียว ซึ่งกลุ่มนายทุนเล็กๆนี่แหละที่ขับเคลื่อนรัฐบาลอยู่

ดังนั้นไอ้ข่าวที่บอกว่าเศรษฐกิจดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ จะโตเท่านั้นเท่านี้ มันก็เป็นเพียงความหลอกลวงและมุมมองของนายทุนที่มีต่อทรัพยากรในโลกนี้ โดยคนตัวเล็กๆไม่มีส่วนได้เลยแม้แต่น้อย จะมีแต่เสียกับเสีย เพราะกฏเกณฑ์ที่เอื้อให้การทำธุรกิจของระบบทุนนั้น เอื้อให้รายใหญ่มากกว่ารายย่อยหรือคนงานชาวบ้านร้านตลาดทั่วไปครับ และนี่คือเหตุผลที่ผมให้ชื่อบทความนี้ว่า นรก AEC ไงล่ะ มันคือนรกของคนชั้นกลางและคนระดับรากหญ้าที่กำลังมาเยือนจากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน ดังนั้นอย่าเพิ่งดีใจกับข่าวไปนะครับ

ความเป็นจริงของการเปิดการค้าเสรีทุกรูปแบบนั้น มันก็มาจากประเทศผู้ที่มีกำลังมากกว่า มีความพร้อมกว่า หาทางที่จะเข้าไปสูบกินทรัพยากรธรรมชาติของชาติที่ด้อยกว่าแต่ทรัพยากรธรรมชาติยังมีมากอยู่ หากชาติใดรู้ไม่เท่าทัน หลงไปเปิดเสรีเข้ามีหวังโดนสูบจนหมดตัว กับการเปิดเสรีอาเซียนก็ไม่ยกเว้นนะครับ อย่างสิงคโปร์เขาพร้อมกว่าทั้งกำลังทรัพย์และกำลังปัญญา เขาก็จะเข้าไปกอบโกยจากทุกๆชาติได้มากกว่าในที่สุด

ไม่เชื่อลองมาดูก็ได้ว่าถ้าเปิดเสรีอาเซียนแล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับคนชั้นกลางและรากหญ้าบ้าง

ที่เห็นๆกันตอนนี้ก็คือต่างชาติเริ่มเข้ามาซื้อที่ดิน ถือครองที่ดินผ่านนอมินี(ตัวแทนที่เป็นคนไทย)มากขึ้น ทำให้ที่ดินในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจทั้งหลาย ซึ่งเราจะเห็นได้มากขึ้นแม้ยังไม่ถึงเวลาเปิดเสรีอาเซียน

เมื่อที่ดินถือครองโดยต่างชาติมากขึ้น ราคาที่ดินจะพุ่งสูงครับ อีกหน่อยคนไทยก็จะไม่มีโอกาสได้ซื้อที่ดินอีกแล้ว ชาวไร่ชาวนาที่ขายที่ดิน อีกหน่อยก็จะต้องตกเป็นทาสที่ดิน ไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง เพราะเวลาต่างชาติไปซื้อที่ดิน เขาจะทุ่มเงินซื้อเลย ส่วนใหญ่ทำลายราคาตลาดด้วยซ้ำ ทำให้ราคาที่ดินพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งในวันนี้ก็เห็นแล้วว่าเจ้าของที่ดินจำนวนมาก เริ่มโก่งราคาที่ดินกันอย่างน่ารังเกียจ แม้แต่กับคนไทยด้วยกันเอง (เพราะเขาอิงตัวเลขที่มีคนยอมจ่ายล่าสุด)

ไม่ใช่แค่เรื่องที่ดินนะครับ กลุ่มพนักงานบริษัทก็อย่าเพิ่งดีใจว่ารอดตัว เพราะเปิด AEC เมื่อไหร่ เจ้าของกิจการก็จะคิดสะระตะขยายกิจการไปยังประเทศต่างๆ โดยใช้พนักงานที่มีอยู่ปัจจุบันให้มากที่สุด จ้างคนเพิ่มให้น้อยที่สุด นั่นก็หมายความว่า คนที่มีงานทำอยู่แล้ว ภาระงานก็จะหนักขึ้น ยิ่งบริษัทข้ามชาตินี่จะเห็นได้ชัดครับ คือ เขาจะให้บริษัทสาขาต่างๆในอาเซียนแข่งขันชิงชัยกันเป็นสำนักงานหลักในภูมิภาค สำนักงานแห่งไหนชนะได้ แม้ไม่มีคนตกงาน แต่งานก็จะหนักขึ้น ทีนี้ล่ะจะได้เห็นกันเสียทีว่า การจบสูงๆแล้วทำงานสบายน่ะมันไม่มีแล้วครับ คนทำงานจะรู้สึกว่าไม่ต่างอะไรกับควายก็ตอนนี้ล่ะ(ฮา) ส่วนสาขาที่ด้อยประสิทธิภาพ อ่อนประสิทธิผล ก็จะถูกลดคนงานลงหรือไม่ก็ยุบไปเลย ใช้วิธีจ้างเหมางานช่วงในท้องถิ่นนั้นแทน

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอเมริกาประเทศแห่งการค้าเสรี..คนไทยก็ไม่พ้นแบบนี้
แถมเมื่อเปิดเสรีวิชาชีพต่างๆ คนไทยก็จะต้องแข่งความอึดกับคนจากชาติต่างๆ ที่บางชาติก็อึดกว่าคนไทย(และควาย) บางชาติก็ขี้โกงกว่าคนไทย บางชาติก็เขี้ยวกว่าคนไทย บางชาติก็โหดกว่าคนไทย บางชาติมันก็ลอกเลียนแบบสินค้ากันอย่างน่าเกลียด จนที่สุด คนไทยที่สามารถปรับตัวเข้ากับ AEC ได้แล้ว คงจะไม่น่าคบเหมือนเก่า และความที่มันแข่งขันกันแทบไม่หยุดหายใจนี่เอง ที่จะทำให้สังคมมนุษย์เริ่มเหมือนสังคมสัตว์มากขึ้นทุกวันๆ ไม่เชื่อไปดูสังคมอเมริกันสิครับ หน้าเงินกันสุดๆไปเลย

คนชั้นกลางที่มีความสามารถ พูดภาษาอังกฤษได้ แม้จะรอดตัวมีงานทำ แต่งานก็จะไม่สบายเหมือนเก่าครับ เพราะจะมีคนรอต่อคิวเก้าอี้คุณอยู่ตลอดเวลา ความคาดหวังจากเจ้าของบริษัทก็มากขึ้น ความตึงเครียดในชีวิตจะเพิ่มขึ้น ทำงานหนักขึ้น ส่วนคนที่ไม่พร้อมในการเปิดเสรีนี่ตายเห็นๆครับ จะกลับบ้านไปทำไร่ทำนาก็ไม่ได้ ที่ดินถูกขายไปหมดแล้ว แล้วจะไปทำอะไรกิน

โอกาสทองที่มากับการเปิดเสรีการค้าอาเซียนนั้นตกเป็นของบริษัทใหญ่ๆและบริษัทข้ามชาติล้วนๆครับ เรียกได้ว่าการเปิดเสรีอาเซียนนั้นดีต่อ"การค้า" แต่กับแรงงานเบื้ยล่างทั้งหลายนั้นมีผลเสียมากกว่า และตลาดแรงงานที่มากขึ้นนี้เองจะทำให้บริษัทใหญ่ๆ มีโอกาสเลือกคนได้มากขึ้นตามไปด้วย แถมจะได้แรงงานราคาถูกที่ยอมทำงานหนักและยาวนาน ไม่บ่นไม่เรียกร้อง ทำงานหนักเพื่อกิจการทั่วภูมิภาค ซึ่งจะทำให้บริษัทขนาดใหญ่ ขยายตลาดขยายกลุ่มผู้บริโภคและลดต้นทุนได้มากมายมหาศาล ส่วนบริษัทเล็กๆก็รอวันตายครับเพราะทนการแข่งขันและทุนที่หนากว่าจากบริษัทใหญ่และบริษัทข้ามชาติไม่ได้ ที่สุดแล้วเราก็จะเห็นการซื้อหรือยุบรวมกิจการกันมากขึ้น เห็นการผูกขาดทางการค้าแฝงมากขึ้น ทางเลือกในชีวิตของคนชั้นกลางและรากหญ้าน้อยลง จนกลายเป็นสังคมที่หมดความเท่าเทียมเชิงเศรษฐกิจไปในที่สุด ซึ่งจริงๆปัญหาเหล่านี้ก็รุนแรงมากอยู่แล้วในปัจจุบัน และถ้าจะให้พูดกันจริงๆ ทุกวันนี้มันก็อยู่กับแบบสังคมสัตว์มากกว่าสังคมมนุษย์แล้วครับ เพราะมีแต่การเบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ บีบคั้นกันทั้งในกฏและนอกกฏ

ไม่เชื่อก็ไปดูอเมริกาสิครับ ประเทศนี้เปิดเสรีทางด้านเศรษฐกิจอย่างมาก มากเสียจนเกิดการเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกว้างขวาง จนสังคมชนชั้นกลางและล่างในอเมริกาเริ่มล่มสลาย เกิดกลุ่มปลดแอกที่ใช้คำว่า occupy นำหน้าขึ้นมากมาย เพราะลู่ทางทำกินทุกชนิดถูกบริษัทใหญ่ๆคุมเอาไว้จนหมด นี่ยังไม่นับรวมเรื่องอื่นๆ เช่นอาหารการกิน ยารักษาโรค อสังหาริมทรัพย์ การบริการด้านสาธารณสุขที่ถูกผูกขาดโดยบริษัทใหญ่ๆเอาไว้จนหมด จนบริษัทเหล่านี้สามารถขึ้นราคาได้อย่างอิสระตามใจชอบ จนสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอเมริกันไปทั่วประเทศ  คนชั้นกลางและล่างของอเมริกาที่ถูกเลี้ยงกันมาอย่างเสียคนจึงเริ่มอยู่กันอย่างคับแค้น ซึ่งเชื่อได้ว่าจะล่มสลายลงจากความไม่เท่าเทียมในเชิงเศรษฐกิจในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน และอย่าคิดนะครับว่า ในสภาพที่คนรวยก็รวยล้นฟ้า แถมมีแค่ไม่ถึงหยิบมือ แล้วปล่อยให้คนจนคนอดอยากเต็มเมืองน่ะ มันจะอยู่กันได้อย่างสงบสุข ไม่มีทางครับ

อเมริกานี่แหละที่เป็นตัวอย่างของการทำปศุสัตว์เมืองใหญ่ได้ดีที่สุด ประเทศนี้เห็นคนเป็นแค่สัตว์ครับ จะออกกฏหมายบังคับคนทั่วไปยังไงก็ได้ จะออกกฏหมายเอื้อต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ยังไงก็ได้ อิสรภาพจริงๆไม่มีแล้ว เหลือแต่อิสรภาพทางกฏหมายที่เขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่มันไม่มีผลในเชิงปฏิบัติจริง เป็นเพียงอุดมคติเลื่อนลอยเท่านั้น แถมทุกวันนี้เราก็กำลังเดินตามเขาต้อยๆ ทั้งๆที่ในหลวงท่านทรงเตือนคนไทยเอาไว้แล้ว พระองค์ถึงได้ให้หลักเศรษฐกิจพอเพียงเอาไว้เป็นทางรอดให้กับประชาชนคนไทย(ย้ำนะครับ ว่าเป็นทางรอดทางเดียวจริงๆ เพราะนายทุนล้อมคอกเราไว้หมดแล้ว)

ถึงตรงนี้ คนไทยก็ควรจะตาสว่างและเลิกเคลิบเคลิ้มกับวาทกรรมการเปิดเสรีการค้าอาเซียนหรือเปิดเสรีการค้ากับชาติไหนๆเสียที เพราะมันจะได้ประโยชน์เฉพาะกับนายทุนที่มีกิจการขนาดใหญ่และเข้มแข็งเท่านั้น และไม่ใช่แค่ข่าวเรื่องเปิดเสรีการค้าอาเซียนหรอกนะครับที่เป็นเรื่องหลอกลวง แต่ข่าวที่นำเสนอตัวเลขเศรษฐกิจทั้งหมดในสื่อนั่นแหละคือความหลอกลวงทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองไปถามแม่บ้านร้านตลาดสิครับว่า ทำไมข่าวออกมาว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทำไมคนรากหญ้าถึงได้จนเอาๆ ทำไมคนชั้นกลางถึงได้ลำบากลำบนดิ้นรนมากขึ้นอย่างทุกวันนี้ เหตุผลก็เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่เราเห็นผ่านสื่อว่าสวยๆนั้น มันไหลเข้ากระเป๋าคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดียวที่เรียกว่านายทุนนั่นแหละครับ

ส่วนคนตัวเล็กๆ กิจการเล็กๆที่ไม่ได้ทะเยอทยานอะไรมาก อยากอยู่อย่างสงบ พอเพียง เมื่อเปิดเสรีการค้าอาเซียนแล้ว รับรองว่าถ้าไม่ตายก็อยู่ยากล่ะครับพี่น้อง

แล้วก็อย่าเพิ่งดีใจไปว่ารัฐบาลตัดสินใจเลื่อนเปิดเสรีอาเซียนเพื่อให้เราเตรียมตัวนะครับ เขาเลื่อนออกไปเพื่อให้นายทุนไทยที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐและกลุ่มการเมืองทั้งหลายได้กอบโกยทรัพยากรด้านต่างๆกันอย่างเมามันก่อนที่จะเปิดเสรีการค้า เพื่อที่จะได้เอาทรัพยากรเหล่านั้นไปขายต่อทำกำไรกับชาติอื่นๆที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยครับ

เรียกว่างานนี้เป็นโต๊ะจีนเปรตกินเปรตของจริงครับ

No comments:

Post a Comment