Wednesday, August 20, 2014

เศรษฐกิจซอมบี้

ทุนนิยมไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจของมนุษย์นะครับ มันเป็นแหล่งผลิตซอมบี้!!!
ภาพการประท้วงขอขึ้นราคาผลผลิตการเกษตรที่เราเคยเห็นกันจนชินตาในช่วงหลายปีที่ผ่านๆมา บอกอะไรเราได้บ้าง?

เกษตรกรไม่รู้จักพอหรือ? เกษตรกรโง่งั้นหรือ? เป็นไปตามกลไกการตลาดหรือ? ผลผลิตไม่ได้คุณภาพหรือ? มโนเอาเองตามทฤษฎีในตำราทั้งนั้น เพราะความเป็นจริงคือ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบทุนหรือนายทุนใหญ่ที่คุมตลาดทั้งหมด โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

และไม่ว่าสาเหตุของมันจะเป็นอะไรก็ตามแต่ สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คนในระบบทุนจริงๆนั้นมีสิ่งเดียวครับ นั่นก็คือความกระเสือกกระสนดิ้นรนทำมาหากิน เพราะการถูกบีบคั้นจากระบบทุน ซึ่งมีอำนาจเหนือคนตัวเล็กๆไปเสียทุกเรื่อง ซึ่งเมื่อก่อนเราก็คงหวังรวย แต่พอมาถึงยุดนี้ ขอแค่ไม่ให้อดตายก็หรูแล้ว เพราะการแข่งขันบีบคั้นมันมากเหลือเกิน

ใช่แล้วครับ "ความบีบคั้น" เราคงจะรู้สึกถึงความบีบคั้นตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ความบีบคั้นจากหน้าที่การงาน ความคาดหวังของลูกค้า ความคาดหวังของครอบครัว ความบีบคั้นจากปัจจัยต่างๆทางเศรษฐกิจ สารพัดความบีบคั้นที่ทำให้เราต้องสู้ ต้องดิ้น นับตั้งแต่เกิดมา เข้าเรียนในโรงเรียน ทำงาน จนกระทั่งแก่ตาย พวกเราต้องดิ้นรนไปบนความบีบคั้นตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนจะตายยังต้องนอนกลุ้มว่าค่ารักษาพยาบาลของตนจะบานปลายฆ่าลูกหลานที่เหลืออยู่ให้ตายทั้งเป็นด้วยหรือไม่? หรือบริษัทประกันจะจ่ายหรือไม่? พอตายลงก็เป็นสัมภเวสีอยู่ตรงนั้นเลยครับ เพราะใจที่มันมีแต่ห่วงนั่นแหละ

บางที่โดนบีบมากๆเข้า ก็หันไปบีคนข้างๆบ้าง บีบลูกน้องบ้าง บีบเจ้านายบ้าง เราเลยกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างความกดดันให้คนอื่น เราจึงต้องอยู่ในสภาพสังคมที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อกันอย่างเดียว เป็นระบบเศรษฐกิจซอมบี้ เพราะระบบทุนต้องการแรงขับดันมหาศาลในการค้ำจุนระบบให้อยู่ได้ แรงขับดันมหาศาลนี้จึงหมายถึงความบีบคั้น ความกดดัน ความขาดแคลน เพราะถ้าไม่ขาดแคลนก็จะไม่ดิ้นรนแย่งกัน ไม่ฆ่ากัน ไม่เบียดเบียนกัน ทั้งๆที่การดำรงอยู่ของมนุษย์คนหนึ่งไม่ได้ต้องการอะไรมหาศาลขนาดนั้นเลย ความจำเป็นส่วนตัวของแต่ละคนจริงๆมีนิดเดียว แต่ที่ต้องดิ้นรนก็เพราะเขาจ้างไปสร้างความมั่งคั่งในส่วนของนายทุน ซึ่งเขาก็เอาคตินิยมเรื่องชีวิตที่ดีกว่ามาล่อให้เราวิ่งเหมือนหนูถีบจักรนั่นเอง
คนรวยก็กลายเป็นซอมบี้ครับ คือเรียกร้องเอาจากรัฐซึ่งถือเงินภาษีของประชาชนอีกที
ส่วนเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต หรือสื่อต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนติดกันงอมแงมกันทั่วบ้านทั่วเมือง ก็เป็นไปเพื่อ "สะกดจิต" และ "มอมเมา" ไม่ให้คนได้มีเวลาคิดขุดคุ้ยหาความจริงและเรื่องหลอกลวงเบื้องหลังทั้งหมด จะได้ไม่มีใครคิดปฏิวัติล้มล้างระบบที่กดขี่ผู้คนอยู่ แถมยังขายโฆษณาได้อีก เอาสิ

แรงขับดันมหาศาลที่ทำให้เราต้องดิ้นพราดๆทุกวันนี้นั้น มันไม่ได้เป็นไปเพื่อการดำรงชีพของเราแต่อย่างเดียวแล้ว แต่มันเป็นการขับเคลื่อนระบบเพื่อความมั่งคั่งของนายทุนเพียงไม่กี่คนให้ร่ำรวยกว่าคนทั่วไปไม่รู้กี่ล้านเท่า ก็ไม่ต้องแปลกใจครับว่าคนส่วนใหญ่ของโลก จึงกระเสือกกระสนดิ้นรนทำงานหนักแทบตาย แต่ไม่พอเลี้ยงชีวิตและครอบครัวของตน เพียงเพราะว่างานนั้นมันไม่มีคุณค่า เป็นงานราคาถูก ค่าแรงต่ำ เพราะเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะฝีมือ ก็ในเมื่อมันไม่มีคุณค่า นายทุนเขาไม่ให้ค่า ผมก็แนะนำให้คนงานชั้นล่างกลับไปทำสวนทำไร่เลี้ยงตนอย่างพอเพียงและยั่งยืนให้หมดเลยครับ จะได้ดูกันว่าระบบจะอยู่ยังไง ฮา
ซื้อมือถือแพงๆแล้วกลายร่างเป็นซอมบี้ ฮา
ทุกวันนี้ผมไม่แปลกใจเลย ที่เวลาเราจะมองหาซื้อที่ดินสักแปลง จะต้องมีนายหน้ามาเอี่ยวค่านายหน้าด้วยอย่างต่ำๆก็สิบคน ราคาที่ดินจึงพุ่งพรวดจนแทบจะซื้อไม่ไหว เพราะไม่รู้บวกเปอร์เซ็นต์กันกี่ทอด ขนาดที่ว่าเห็นรถแปลกหน้าวิ่งเข้าไปในพื้นที่ เป็นต้องกรูกันเข้ามารุมขอมีส่วนแบ่งโดยที่ไม่มีประโยชน์หรือมูลค่าเพิ่มเลย ถามว่าเปรตหรือคนครับ? หรือสินค้าชิ้นหนึ่งที่ขายในตลาดนั้นมีคนขายนับพันๆราย แย่งกันขายแย่งกันรวย ซึ่งจริงๆก็ไม่รู้ว่าจะรวยหรือเปล่า เพราะเจ้าที่ขายดีน่าจะมีไม่กี่เจ้า ส่วนที่เหลือก็น่าจะเจ๊งไปเองในที่สุด ก็อันดับหนึ่งมีที่เดียวนี่เนาะ

หากใครไม่รู้จักไส้ในของระบบทุนนิยมจริงๆ ก็จะรู้สึกว่ามันดี ให้โอกาสสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย แต่โดยภาพรวมแล้ว ความมั่งคั่งร่ำรวยนั้นมีที่มาสองทางคือ หนึ่ง มาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จำกัด สอง มาจากการปั่นและกระตุ้นการบริโภค ทีนี้ทรัพยากรธรรมชาติของโลกส่วนใหญ่ถูกทุนนิยมถลุงไปเกือบหมดแล้ว ก็เหลือแต่การกระตุ้นการบริโภค เราก็จะได้เห็นสื่อต่างๆมากมายที่ออกมากระตุ้นการซื้อ การกู้ยืมกันขนานใหญ่ ในขณะที่เศรษฐกิจเติบโตต่อไปไม่ได้แล้ว เราถึงได้เห็นการพิมพ์เงินใช้เอง เห็นการบริโภคเกินขนาดด้วยวิธีการเชื้อเชิญสารพัด จนกลายเป็นฟองสบู่ในที่สุด

อย่างร่างกายของมนุษย์เรา พอเกิดมามันก็อยู่ได้ของมันเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องกระตุ้นอะไร แต่พอเป็นระบบทุนนิยม ดันต้องใช้การกระตุ้นถึงจะอยู่ได้ครับ มันก็ทำให้นึกถึงผีดิบแฟรงเกนสไตน์ที่ต้องใช้ไฟฟ้ากระตุ้นเพื่อให้มันตื่นขึ้นมาน่ะ อะไรที่มันไม่เป็นธรรมชาติธรรมดาของโลกนี่ ผมว่าเลิกไปก็ดีนะครับ

ในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ของสังคมถูกบีบให้กลายเป็นคนชั้นล่างซึ่งไม่มีกำลังซื้อ และชนชั้นกลางก็ถูกบีบให้ลงไปเป็นชนชั้นล่างด้วยการกดค่าแรงเหมือนกัน เพราะความมั่งคั่งทุกเม็ดถูกบีบบังคับให้ไหลเข้ากระเป๋านายทุนที่มีอำนาจควบคุมทุกอย่าง ซึ่งความบีบคั้นในการรีดความมั่งคั่งจากระบบ ผ่านการกระตุ้นการบริโภคนี่เองที่ทำให้เราไม่มีความสุขกับชีวิต มีแต่พันธะภาระผูกพันเยอะแยะไปหมดโดยไม่ได้จำเป็นต่อความสงบสุขในชีวิตเลย อันนี้ทุนนิยมให้นิยามว่าเป็นความมั่งคั่งมั่นคงของชีวิต แต่ลองถามตัวเองนะครับว่าความมั่งคั่งแบบไหนกันที่ทำให้เราต้องเหน็ดเหนื่อย บีบคั้นกดดัน ทุกข์อยู่ลึกๆภายในใจตลอดเวลา เหมือนอยู่ในนรก เพราะมันมีแต่การแข่งขันขับเคี่ยวเอาแพ้เอาชนะ จ้องจะกินเลือดกินเนื้อกันอย่างเดียว เพื่อสู้กับความไม่แน่นอน ที่ยังไงๆมันก็ไม่แน่นอนอยู่วันยันค่ำ ซึ่งถ้าคุณชนะ มันก็จะมีคนแพ้อีกเป็นจำนวนมากมายที่ต้องทุกข์ทรมาน ถามว่านี่คือสังคมมนุษย์หรือนรกภูมิกันแน่?


ด้วยเหตุเหล่านี้เองที่ทำให้ผู้คนในระบบทุนนิยม ไม่เป็นผู้เป็นคน แต่กลายเป็นเปรต เป็นซอมบี้ ที่หิวกระหายการบริโภค ทำทุกอย่างเพื่อมายาคติจอมปลอมที่ถูกโปรแกรมลงในหัวให้ต้องสู้ และดิ้นรนที่จะดำรงชีพอย่างลำบากยากแค้นมากขึ้นทุกวันๆ ขณะที่คนร่ำรวยก็หิวกระหายความมั่งคั่งเกินตัว จนระบบเสียสมดุล คนที่ร่ำรวยมั่งคั่งเหนือมาตรฐานสังคมก็อย่าดีใจหรืออุ่นใจที่มีเงินนะครับ เพราะการที่คุณจะต้องอยู่ท่ามกลางสังคมที่ล่มสลายและซอมบี้ที่หิวกระหาย บีบคั้น แร้นแค้น และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด โดยไม่สนใจหลักการหรือหลักธรรมใดๆ คุณคิดหรือว่าคุณจะอยู่ได้อย่างเป็นสุขจริงๆ สุดท้ายถ้ามันบีบคั้นเอามากๆ และไม่มีทางออก โครงสร้างของสังคมทั้งหมดจะพังทลายลง กฎหมายอะไรก็ใช้ไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรอดครับ ยกเว้นคุณจะไปอยู่บนดาวอังคาร ฮา

ถึงตรงนี้ก็สามารถฟันธงลงไปได้เลยว่า ระบบทุนไม่สามารถให้ความสงบสุขกับชีวิตได้จริง ไม่สามารถให้ความมั่นคงกับชีวิตได้จริง ไม่สามารถให้เราได้อยู่อย่างพอเพียงจริงๆ เพราะทุกอย่างล้วนอยู่ในมือทุนขนาดใหญ่ที่บีบเราให้ต้องบริโภคในทุกๆทาง ผ่านเครื่องมือทางการเงิน เช่นระบบค่าเงิน เงินเฟ้อ เงินฝืด ค่าครองชีพ ราคาสินค้าและบริการ ความจำเป็นทุกอย่างในชีวิตในทุกแง่ทุกมุม ถ้าจะเปรียบไป เราก็เหมือนกับไก่ในฟาร์มนั่นแหละครับ เขาสามารถใช้ได้ทุกส่วนจนแทบไม่เหลือของทิ้ง แม้กระทั่งป่วยจะตายก็ยังโดนโรงพยาบาลถลุงเงินจนหมดเลย

นายทุนใหญ่ๆเขาหาวิธีการในการที่จะผูกขาดทรัพยากรทุกอย่าง ผ่านทางระบบลิขสิทธิ์บ้าง สิทธิบัตรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์พืช สัตว์ แม้กระทั่งแนวคิดในการให้เอกชนได้ครอบครองสัมปทานน้ำเพื่อนำไปทำน้ำดื่มจำหน่ายก็ยังมี เรียกว่าอีกหน่อยเราต้องควักเงินจ่ายซื้อของกินในราคาที่เขาตั้งให้ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะใส่สารเคมีอะไรเข้าไปก็ตาม (ในนามแห่งมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร ที่เมื่อก่อนไม่เคยมีเพราะมันไม่อันตรายอย่างทุกวันนี้) เรียกว่าเขาบีบให้ดิ้นพราดๆ เราก็ต้องดิ้นตามเขา สั่งให้ตายก็คงต้องตาย เพราะทุกอย่างมันจะกลายเป็นการผูกขาดแฝงหมดทั้งระบบ กระบวนการเหล่านี้เป็นไปแบบเงียบเชียบ เพราะเขากลัวคนจะรู้ตัว กฎหมายจริงๆก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพวกนี้มันใหญ่เกินกว่าจะล้มแล้ว ล้มของพวกยักษ์ใหญ่จะหมายถึงเศรษฐกิจจะล้มไปด้วย เอาสิ

แต่ตอนนี้มีคนกลุ่มเล็กๆหลายกลุ่มเริ่มรู้ทันแล้ว และกำลังสร้างเครือข่ายการพึ่งพาตนเองขึ้นเพื่อปกป้องรากเหง้าของบรรพบุรุษไม่ให้ถูกทำลายหรือยึดครองไปจนเราต้องกลายเป็นปศุสัตว์ในเมืองใหญ่ให้เขาสนตะพายขายแรงงานราคาถูกกันจริงๆ

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไร้รากเหง้าทางสังคม มาเติบโตอยู่ในระบบทุนเต็มรูปแบบก็จะลำบากหน่อย เพราะมันเป็นระบบที่ต้องพึ่งพานายทุน ไม่ต่างจากระบบทาสแม้แต่นิดเดียว ส่วนถ้าใครมีที่มีทางที่จะทำเกษตรเพาะปลูกทำกินเองได้ หากไม่โลภจนกลายเป็นซอมบี้เสียเอง ก็อยู่ได้ครับ เพราะผืนดินผืนโลกให้ทุกสิ่งที่จำเป็นกับเราอยู่แล้ว

ถ้าเราไม่เริ่มที่จะอยู่ด้วยการเกื้อกูลกันนับตั้งแต่บัดนี้ ถ้ายังยืนยันว่าทุกอย่างต้องใครดีใครได้ เก่งกว่าถึงจะอยู่รอด ก็ขอเวลาอีกไม่นานครับ(ฮา) ระบบเศรษฐกิจซอมบี้ก็จะทำให้เกิดกองทัพซอมบี้จริงๆขึ้นมาทำลายตัวระบบเอง ถึงตอนนั้นจริง คนรวยๆก็คงต้องไปอยู่ดาวอังคาร(หรือปรโลก...แล้วแต่จะเลือกเอา) เพราะคนส่วนใหญ่ที่โดนกดขี่เขาคงไม่ยินดีให้ท่านอยู่บนโลกนี้แล้วล่ะ

No comments:

Post a Comment